
PetPlease ชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ 2 สุนัขพันธุ์ไทยที่ดังไกลไปทั่วโลก จะน่ารักน่าเลี้ยงขนาดไหน ต้องติดตาม!
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘สุนัข’ เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลก เพราะขึ้นชื่อในเรื่องความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีต่อเจ้าของ คนจึงนิยมเลี้ยงไว้เพื่อให้ช่วยดูแลคุ้มกันบ้าน
แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มีสุนัข 2 สายพันธุ์ที่เป็นพันธุ์ไทยแท้ นั่นคือ พันธุ์บางแก้ว และ พันธุ์ไทยหลังอาน วันนี้พวกเราจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับสุนัขสองสายพันธุ์นี้กันให้มากยิ่งขึ้น
สุนัขพันธุ์ไทย
สุนัขพันธุ์บางแก้ว (Thai Bangkaew Dog)

ต้นกำเนิด
สุนัขพันธุ์บางแก้ว มาจากชื่อหมู่บ้านบางแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำยม ในอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย ว่ากันว่าในตอนนั้น สุนัขตัวเมียสีขาวดำพันธุ์ท้องถิ่นของเจ้าอาวาสวัดที่นั่น ผสมข้ามพันธุ์กับสุนัขป่าที่ปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว จนกลายมาเป็นสุนัขสายพันธุ์บางแก้วตัวแรกในปี พ.ศ. 2500 จากนั้นก็ได้มีการคัดเลือกแม่พันธุ์จากลูกครอกนั้น จนสุนัขพันธุ์บางแก้วเป็นที่แพร่หลายและได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
ลักษณะของสุนัขพันธุ์บางแก้ว
สุนัขพันธุ์ไทยบางแก้วมีรูปร่างกะทัดรัดและมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม เป็นสัดส่วนที่ดีเหมาะกับท่วงท่าการเดินของมัน ขนสองชั้นประกอบด้วยขนชั้นในที่สั้นและขนชั้นนอกยาวเพื่อป้องกันสิ่งที่จะมากระแทกและอาจเป็นอันตรายต่ออวัยวะภายในร่างกายได้ โดยขนจะหนาและยาวมากบริเวณรอบคอ หน้าอก และหลัง แลดูคล้ายสิงโต เห็นได้ชัดในเพศผู้มากกว่าเพศเมีย หางมีขนดกโค้งขึ้นไปด้านหลัง มีทั้งสีขาว เทา น้ำตาล และดำในหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน
สุนัขพันธุ์บางแก้วต้องการการออกกำลังกายที่เหมาะสม รวมทั้งการเดินหรือวิ่งออกกำลังกายทุกวัน มันจะทำตัวสบาย ๆ ในช่วงที่อากาศอบอุ่นเพราะขนชั้นในจะช่วยกันไม่ให้สูญเสียความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างออกกำลังกาย

ข้อมูลทั่วไป
ส่วนสูง: 43-53 เซนติเมตร
น้ำหนัก: 16-23 กิโลกรัม
อายุขัย: 10-12 ปี
ข้อดี
สุนัขพันธุ์บางแก้วเหมาะกับเด็ก ๆ เป็นสุนัขที่ฉลาด ฝึกง่าย และเป็นที่รักง่ายเช่นกัน มีความว่องไวและมีชีวิตชีวา สุนัขพันธุ์บางแก้วยังเหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดี ด้วยสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมันที่จะปกป้องดูแลคนที่ตัวเองรัก
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)

ต้นกำเนิด
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานเกิดขึ้นในช่วงยุคกลาง มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทยตั้งแต่ 400 กว่าปีก่อน เดิมทีเป็นสุนัขของเกษตรกรที่คอยคุ้มกัน ช่วยล่าสัตว์ และเรียกได้ว่าเป็นสุนัขนักฆ่างูเห่า เพราะไทยหลังอานสามารถโจมตีงูเห่าเมื่อเผชิญหน้ากับพวกมันได้ทันทีโดยไม่มีความเกรงกลัว ด้วยเหตุนี้ ในสมัยก่อนคนจึงใช้สุนัขพันธุ์นี้ในการดูแลระหว่างการขนส่ง จึงได้ชื่อว่า ‘สุนัขเดินตามเกวียน’
เมื่อ Jack Sterling ชาวซานฟรานซิสโก มาเยือนประเทศไทยในปี พ.ศ. 2537 เขาได้พบกับสุนัข 4 ตัวที่รู้จักในชื่อ ‘หมาไทยหลังอาน’ และเขาก็ได้พบสัตวแพทย์ที่แนะนำให้เขารู้จักกับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์นี้ และซื้อลูกสุนัขอายุ 5 เดือนชื่อสาคร และตัวเมียสีน้ำเงิน 2 ตัวชื่อเบนท์และนาวินีกลับซานฟรานซิสโกไปด้วย
จากนั้น Sterling ก็ได้พาลูกสุนัขไปออกรายการ American Rare Breed Association ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จนในปี พ.ศ. 2546 เขาก็ได้กลับมายังประเทศไทยอีกครั้งเพื่อดำเนินโครงการเพาะพันธุ์ต่อไป
ลักษณะของสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน เป็นที่รู้จักกันในนาม Mah Thai Lang Ahn (หมาไทยหลังอาน) เป็นหนึ่งในสามสายพันธุ์ที่มีขนส่วนสันหลังในทิศทางตรงกันข้ามกับขนส่วนอื่น ๆ ซึ่งอีก 2 สายพันธุ์ ได้แก่ Rhodesian Ridgeback และ Phu Quoc Ridgeback
ไทยหลังอานเป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อขนาดกลาง มีหัวเป็นรูปลิ่ม หูแหลมรูปสามเหลี่ยม ขนสั้นและเรียบ มีทั้งสีดำล้วน น้ำตาลแดง และเทา จุดเด่นคือมีสันหลังเด่นชัดที่หลังที่เกิดจากขนขึ้นในทิศทางตรงกันข้ามกันกับส่วนอื่น ตั้งแต่ด้านหลังถึงช่วงสะโพก ด้วยร่างกายที่แข็งแรงและเพรียวบางทำให้คล่องตัวมาก เดินวิ่งได้อย่างสะดวก

ข้อมูลทั่วไป
ส่วนสูง: 51-61 เซนติเมตร
น้ำหนัก: 15-27 กิโลกรัม
อายุขัย: 12-13 ปี
ข้อดี
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานเป็นสุนัขที่ฉลาดมาก เหมาะกับการเลี้ยงไว้ในครอบครัวเพราะพวกมันซื่อสัตย์ รักเจ้าของ และคนในครอบครัวของมัน ทั้งยังเป็นสุนัขที่น่ารักมาก ๆ อีกด้วย มันยังพร้อมให้ความคุ้มกัน มีความแข็งแร็ง ตื่นตัว และกระฉับกระเฉง จึงนิยมเลี้ยงไว้ให้ช่วยเฝ้าบ้านด้วย
สุนัขพันธุ์ไทยก็น่ารักน่าเลี้ยงไม่แพ้สุนัขพันธุ์ต่างชาติเลยเนอะ ก่อนจะเลือกเลี้ยงสุนัขสักตัวหนึ่ง อย่าลืมศึกษาเรื่องราวของเขาให้ดีก่อน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขนะ ❤