
การเลี้ยงน้องแมวให้อยู่กับเราไปได้นาน ๆ ไม่ใช่แค่การดูแลเอาใจใส่เท่านั้น แต่ยังต้องดูแลเรื่องอาหารของพวกเขาอีกด้วย โดยปกติแมวในแต่ละวัยจะต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันออกไป และแมวยังไม่สามารถกินอาหารได้ทุกอย่างเหมือนกับมนุษย์เราอีกด้วย
วันนี้ PetPlease จึงอยากพาทาสแมวทุกคนมารู้จักวิธีการเลือกอาหารให้ถูกเจ้าเหมียว ไม่ว่าจะเป็นประเภทของอาหาร สารอาหารที่เจ้าเหมียวควรได้รับต่าง ๆ ถ้าทุกคนอยากรู้แล้ว ก็เลื่อนลงมาอ่านกันเล้ย!
ประเภทของอาหารแมว

อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าในปัจจุบันผู้คนเริ่มหันมาเลี้ยงสัตว์กันเยอะมากขึ้น ไม่ว่าเป็นสุนัข หนู กระต่าย รวมถึงแมวด้วย ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีอาหารแมวให้เราเลือกหลากหลายแบรนด์ หลากหลายราคามาก ๆ ทำให้หลาย ๆ คน รวมถึงมือใหม่เลี้ยงน้องแมว อาจจะสับสนได้ว่าต้องเลือกอาหารแบบไหนให้น้องแมวดี
วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักประเภทของอาหารแมวกันค่ะ โดยหลัก ๆ จะมี 3 ประเภท ดังนี้
อาหารสดแช่แข็งสำเร็จรูป

อาหารชนิดนี้ สามารถพบได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป และจะมีราคาถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาหารสดที่น้องแมวชอบมักเป็นปลาทูนึ่ง ไก่ย่าง เป็นต้น อาหารสดแช่แข็งจะมีข้อเสียคือ ต้องแช่แข็งตลอดเวลา หากไม่แช่จะเน่าเสียได้ง่าย นอกจากนี้อาหารชนิดนี้จะต้องปรุงให้สุกก่อน ถึงจะให้น้องแมวของเรากินได้ค่ะ
อาหารเม็ดทั่วไป

เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น ๆ เนื่องจากหาซื้อได้ง่าย และมีราคาที่ค่อนข้างถูก แถมยังมีสารอาหารที่ครบถ้วนอีกด้วย! ส่วนมากอาหารชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ กลม ๆ มีส่วนประกอบมาจากเนื้อสัตว์เป็นหลัก ผ่านกระบวนการแปรรูปอย่างการบดและอบแห้งมาแล้ว นอกจากนี้อาหารเม็ดยังสามารถแบ่งได้ตามประเภทตามเกรดของอาหารอีกด้วย มี 3 ประเภท ดังนี้
- อาหารแมวเกรดทั่วไป (Standard)
อาหารแมวเกรดนี้เป็นอาหารแมวแบบทั่วไป มีราคาถูกที่สุด แต่หากให้น้องแมวกินอาหารเกรดนี้ในระยะยาวอาจจะมีสารอาหารสะสมที่ไม่ดีต่อสุขภาพแมว รวมไปถึงสารอาหารสำคัญไม่เพียงพอ
- อาหารแมวเกรดพรีเมี่ยม (Premium)
อาหารแมวเกรดพรีเมี่ยม รสชาติและส่วนผสมจะใกล้เคียงกับ อาหารเกรด Standard แต่สารอาหารนั้นครบครันกว่าเป็นอาหารตัวเริ่มต้นที่ควรซื้อให้แมว
- อาหารแมวเกรดโฮลิสติก (Holistic)
ถือว่าเป็นอาหารแมวที่แพงสุดในบรรดาอาหารเกรดอื่น ๆ เลยค่ะ เพราะเป็นตัวพรีเมี่ยมสุด ใช้วัตถุดิบในเกรดอาหารคน ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความสะอาด และปลอดภัยต่อน้องแมวแน่นอน!
อาหารเปียก

เป็นอาหารที่น้องแมวหลาย ๆ ตัวชื่นชอบ เนื่องจากมีกลิ่นหอม และคล้ายอาหารปรุงสดใหม่ โดยทั่วไปแล้วอาหารเปียกจะอยู่ในรูปแบบซองและกระป๋อง มีลักษณะเป็นน้ำ มีเนื้อนุ่มเหมือนกับอาหารจริง ๆ ส่วนมากทำมาจากปลาและนำมาผสมกับเยลลี่ค่ะ นอกจากนี้อาหารแมวประเภทนี้มีราคาที่ค่อนข้างแพง สำหรับใครที่ไม่มีงบมากพออาจจะต้องมองหาอาหารชนิดอื่น ๆ แทนค่ะ
โภชนาการและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับแมว

หลังจากได้ทำความรู้จักประเภทของอาหารแมวกันไปแล้ว มาทำความรู้จักโภชนาการและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับน้องแมวกันต่อดีกว่า!
โปรตีน
โดยธรรมชาติแล้วแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ ดังนั้นสารอาหารหลักที่น้องแมวควรได้รับเยอะที่สุด คือ โปรตีน ซึ่งโปรตีนจะถูกนำมาใช้ในการบำรุงรักษากล้ามเนื้อ ผิวหนัง ขน เล็บ กระดูกอ่อน เอ็นไซม์ เป็นต้น เมื่อแมวกินโปรตีนเข้าไป ร่างกายจะย่อยโปรตีนออกมาเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที
กรดอะมิโนที่สำคัญต่อร่างกายเจ้าเหมียวของเรา มีถึง 11 ชนิด ดังนี้
- อาร์จินีน ช่วยในการเสริมสร้างกระดูก
- ฮิสทิดีน ช่วยในเรื่องการเจริญเติบโต
- ไอโซลิวซีน ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและการทำงานของระบบประสาท ช่วยพัฒนาการเรียนรู้
- ลิวซีน จะช่วยกระตุ้นการทำงานสมอง เพิ่มพลังให้กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาทแข็งแรง
- ไลซีน ซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอ ช่วยเผาผลาญไขมันและดูดซึมแคลเซียม จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
- เมไธโอนีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย และช่วยย่อยสลายไขมัน
- ฟีนิลอะลานีน ช่วยทำให้ความทรงจำและระบบประสาทดีขึ้นหากขาดกรดอะมิโนตัวนี้จะทำให้ขนหลุดร่วงง่าย ผิวหนังหยาบ และสมองทำงานเชื่องช้ากว่าปกติ
- ทอรีน เป็นกรดอะมิโนที่แมวต้องได้รับอย่างสม่ำเสมอและจำเป็นมากต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ การมองเห็น และการตั้งครรภ์
- ทรีโอนีน ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยเผาผลาญไขมัน มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหารต่างๆ ในร่างกาย
- ทริปโตเฟน ช่วยลดอาการเครียดและอาการก้าวร้าวในแมวได้
- วาลีน ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ
สำหรับทาสแมวคนไหนที่กำลังจะเลือกซื้ออาหารให้น้องแมว ห้ามขาดโปรตีนเชียวนะ!
คาร์โบไฮเดรต
มาต่อกันที่คาร์โบไฮเดรต สำหรับสิ่งมีชีวิตหลาย ๆ ตัว อาจจะได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับแมวนั้น พวกเขาจะได้รับพลังงานจากโปรตีนและไขมันมากกว่า อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเยอะเกินไป อาจจะไม่เหมาะกับแมวมากนัก เพราะอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และปัญหาของโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น เบาหวาน ไต เป็นต้น ทาสแมวคนไหนอยากลดคาร์โบไฮเดรตให้น้องแมว ให้เปลี่ยนเป็นให้อาหารเปียกแทนค่ะ เพราะมีปริมาณที่น้อยกว่านั่นเอง
ไขมัน
ถึงแม้ว่าโปรตีนจะเป็นพลังงานสำคัญสำหรับน้องแมว แต่ไขมันก็สำคัญเช่นเดียวกัน และไขมันยังทำหน้าที่เป็นโมเลกุลขนส่งและช่วยนำกระแสประสาทอีกด้วย กรดไขมันที่จำเป็นสำหรับน้องแมว คือ โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ยังมีความสำคัญต่อสุขภาพผิวหนังและขน การสมานแผล และการอักเสบ ซึ่งอาหารที่มีกรดไขมันเหล่านี้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ไก่ ตับ หรือเนื้อวัวที่รวมอยู่ในอาหารแมว
วิตามิน
แมวอาจจะไม่ต้องการวิตามินมากเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นสารอาหารที่ขาดไปไม่ได้ เพราะถ้าหากขาดวิตามินอาจจะทำให้เมตาบอลิซึมทำงานผิดปกติได้ วิตามินพบได้ตามธรรมชาติ ในส่วนผสมอาหารแมวหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ น้ำมันพืช เมล็ดพืช และธัญพืช ซึ่งวิตามินที่น้องแมวต้องการมีหลากหลายมาก เช่น วิตามินดี ช่วยบำรุงกระดูกและการเจริญเติบโต วิตามินเค ช่วยในการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น
แร่ธาตุ
แร่ธาตุบางอย่างที่แมวต้องการส่วนใหญ่มาจากส่วนผสมจากสัตว์และพืช เช่น กระดูกป่น แต่เพื่อให้อาหารมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล ผู้ผลิตอาหารแมวมักจะต้องเพิ่มอาหารเสริมแร่ธาตุลงในสูตรอาหารของแบรนด์ตัวเอง และจากข้อมูลของ AAFCO ได้บอกไว้ว่าแร่ธาตุที่แมวควรได้รับต้องอยู่ในระดับที่พอดี ไม่มากเกินไป ไม่งั้นอาจจะส่งผลเสียได้
แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายของแมว เช่น แคลเซียม ที่ช่วยในการเจริญเติบโตและการบำรุงกระดูกและฟัน ฟอสฟอรัส มีความสำคัญต่อการเผาผลาญตามปกติ โพแทสเซียม ที่สำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาท การหดตัวของกล้ามเนื้อ และจังหวะการเต้นของหัวใจ เป็นต้น
แมววัยนี้เหมาะกับอาหารแบบไหน?

การให้อาหารแมวเราต้องคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ น้ำหนัก รวมถึงอายุก็ด้วย เพราะน้องแมวในแต่ละวัยจะต้องการสารอาหารที่ได้แตกต่างกันไปในตามแต่ละวัย มาดูกันดีกว่า ว่าน้องแมวในแต่ละช่วงวัยต้องการสารอาหารแบบไหนบ้าง?
ลูกแมว (0 – 2 เดือน)
โดยปกติแล้วเราจะไม่ค่อยเห็นแมวในวัยนี้มากนัก เพราะร้านและฟาร์มแมวส่วนใหญ่จะไม่ขายลูกแมวในช่วงอนุบาล แต่ถ้าเกิดแมวเราท้องและคลอดลูกออกมาเราก็ต้องให้อาหารเขา ซึ่งแมวในวัยนี้นั้นต้องการนมแม่เพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโตและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ถ้าหากไม่มีนมแม่ให้ใช้นมผงทดแทนได้ค่ะ และเมื่ออายุครบ 1 เดือน เราถึงจะป้อนอาหารคำเล็ก ๆ ให้กับน้องแมว ซึ่งสารอาหารที่แมวจำเป็นต้องได้รับ ได้แก่
- โปรตีน ลูกแมวที่กำลังเติบโตจะต้องก่ารโปรตีนสูงในช่วงหย่านม
- ไขมัน เป็นแหล่งของกรดไขมันจำเป็น เป็นแหล่งพลังงานที่เข้มข้น
- แคลเซียม ลูกแมวควรมีแคลเซียม 0.8-1.6% เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต
แมวเด็ก (2 เดือน – 1 ปี)
การให้อาหารแมวเด็ก จะเริ่มเมื่อแมวอายุครบ 2 เดือน ซึ่งจะเป็นช่วงที่น้องแมวหย่านมแม่ การให้อาหารแมวในวัยนี้ ควรเริ่มให้อาหารในปริมาณน้อย ๆ แต่บ่อย อย่างน้อยวันละ 3 มื้อ โดยอาหารสำหรับแมวเด็กที่พึ่งหย่านม ควรมีโปรตีนและแคลเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโต ที่สำคัญควรมี DHA ซึ่งเป็นสารที่พบในนมแม่ เพื่อพัฒนาการด้านสมองและสายตา ให้เป็นลูกแมวที่ฉลาดสดใส เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วนั่นเองค่ะ!
แมวโตเต็มวัย (1 – 7 ปี)
สำหรับน้องแมวที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป รูปร่างลักษณะภายนอกจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากแมวเด็กมากเท่าไหร่ แต่ความต้องการของสารอาหารจะแตกต่างกันออกไป แมววัยนี้จะไม่ต้องการสารอาหารเยอะเท่ากับแมวในวัยเด็ก ทำให้ส่วนมากผู้เลี้ยงจะต้องลดบริมาณอาหารลง แต่ก็ต้องดูไลฟ์สไตล์ และปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น น้ำหนัก สายพันธุ์ พฤติกรรม เป็นต้น นอกจากนี้อาหารแมวโตเต็มวัยยังต้องมีสารอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องของน้องแมวแตกต่างกันตามสายพันธ์ุต่าง ๆ อีกด้วย โดยสารอาหารที่สำคัญสำหรับแมววัยนี้ได้แก่
- อาหารที่มีโปรตีนสูง : เพื่อช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ และให้พลังงานในแต่ละวันของลูกแมว
- แคลเซียมและฟอสฟอรัส : ช่วยในการพัฒนาอย่างเต็มที่ของกระดูกและข้อต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 4 เดือนแรก
- ดีเอชเอ : เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและการมองเห็นของลูกแมว
แมววัยชรา ( 7 ปีขึ้นไป )
แมววัยนี้จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่าง ๆ มากขึ้น เพราะสภาพร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ทำให้ลดการเคลื่อนไหวร่างกายลง จนเสี่ยงที่จะมีปริมาณแคลอรี่ในร่างกายสูง อาหารที่เหมาะสำหรับน้องแมวในวัยนี้ ต้องเป็นอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะป่วย มีไขมันต่ำ
แมวท้อง
นอกจากการให้อาหารจะแตกต่างกันไปตามวัยแล้ว อาหารสำหรับแมวท้องก็จะต่างออกไปจากแมวตัวอื่น ๆ เช่นกัน อาหารที่ใช้เลี้ยงแมวท้องต้องมีโปรตีนสูง มีไขมันไม่มากและที่สำคัญอย่าให้อาหารบำรุงในช่วงตั้งท้องจนทำให้แมวอ้วน เพราะจะทำให้แมวคลอดยากได้ค่ะ
วิธีการเลือกซื้ออาหารให้ถูกใจน้องแมว

ในปัจจุบันมีอาหารแมวหลากหลายประเภท หลากหลายราคามากขึ้น สำหรับมือใหม่ก็อาจจะสับสนได้ว่าต้องเลือกซื้ออาหารแบบไหนให้น้องแมว แล้วเลือกแบบไหนน้องแมวถึงจะชอบ วันนี้ PetPlease ได้รวบรวมคำตอบมาไว้ที่นี่แล้ว!
เลือกตามความต้องการ
น้องแมวแต่ละตัว จะมีความต้องการสารอาหารที่ต่างกันออกไป สำหรับแมวบางตัวอาจจะมีปัญหาเรื่องขนร่วงมากกว่าปกติ เราจึงต้องให้อาหารที่เป็นสูตรบำรุงขน เพื่อลดการหลุดร่วงของขน เป็นต้น
เลือกตามสภาพร่างกายและการใช้ชีวิต
แมวเมื่อโตเต็มวัย จะมีพฤติกรรมการใช้ชีวิต และสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน บางตัวอ้วน บางตัวผอม เราสามารถนำปัจจัยตรงนี้ มาเลือกอาหารให้เหมาะกับน้องแมวของเราได้ค่ะ
เลือกจากอายุ
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่า น้องแมวในแต่ละช่วงวัยจะต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน วัยเด็กอาจจะต้องการสารอาหารที่ช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาระบบประสาท แต่ในวัยอื่น ๆ อาจจะเน้นไปที่การบำรุงร่างกาย เป็นต้น
เลือกตามกำลังทรัพย์
อีกอย่างหนึ่งที่เราต้องพิจารณาในการเลือกซื้ออาหารแมว ก็คือ จำนวนเงินที่เรามีนั่นเองค่ะ อาหารแมวในปัจจุบัน มีหลากหลายแบรนด์ หลากหลายราคาแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแบรนด์ หากเรามีงบน้อยเราก็ซื้ออาหารน้องแมวที่ราคาถูกลงมาหน่อย ก็จะช่วยให้เราสบายใจ แล้วน้องแมวของเราก็ยังอิ่มท้องอีกด้วยค่ะ
แมวแพ้อาหารได้รึเปล่า จะสังเกตุได้ยังไงนะ?

แมวก็เหมือนกับมนุษย์อย่างเรา ๆ ค่ะ น้องแมวก็สามารถแพ้อาหารได้เหมือนกัน การแพ้อาหารของแมวจะเกิดขึ้นเมื่อได้กินอาหารบางชนิด แม้จะเป็นปริมาณเพียงนิดเดียว เช่น เนื้อวัว ผลิตภัณฑ์จากนม หรือ ปลา และถึงแม้ว่าการแพ้อาหารจะพบได้บ่อยในลูกแมว แต่กับแมวที่โตแล้วก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งอาการแพ้อาหารที่เกิดขึ้นกับแมว มีดังนี้
มีอาการคัน
อาการคันเป็นอาการแพ้ที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการแพ้อาหาร แพ้ฝุ่นต่าง ๆ อาการนี้ก็จะเกิดขึ้นมา อาการคันมักเกิดที่ใบหน้า หู ท้อง ขาหนีบ รักแร้ และอุ้งเท้า และในบางรายที่มีอาการแพ้ขั้นรุนแรง อาจจะมีผื่นและขนร่วงเป็นหย่อม ๆ ได้ค่ะ
น้ำหนักลดลง
น้องแมวบางตัวที่แพ้อาหารจะไม่แสดงอาการใดเลย ๆ ได้ทานอาหารได้ปกติ แต่น้ำหนักจะลดลง เนื่องจากเบื่ออาหาร
ถ่ายเหลวเรื้อรัง
การถ่ายเหลวจากการแพ้อาหาร หากอาการไม่รุนแรงมาก เจ้าของแค่เปลี่ยนอาหารหรือกลับใช้อาหารเดิม แต่ในรายที่เป็นรุนแรงและเรื้อรังอาจต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมจากสัตวแพทย์ เพื่อให้อาการในระบบทางเดินอาหารบรรเทาหรือหายไปก่อน
วิธีการเก็บรักษาอาหารแมว

ในการเลือกซื้ออาหาร สิ่งที่เราจำเป็นต้องดูก่อน คือ วันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ และต้องดูผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดว่ามีรอยฉีกขาด รูรั่วจนลมสามารถเข้าออกได้หรือเปล่า และถ้าหากเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบกระป๋อง เราก็ต้องตรวจสอบดูรอบ ๆ กระป๋องด้วยว่า มีสนิมเกาะ หรือมีรอยบุบไหม เพราะการเกิดความเสียหายของบรรจุภัณฑ์จะทำให้รสชาติ และคุณภาพของอาหารสุนัขลดลง รวมถึงอาหารสุนัขอาจเน่าเสียได้นั่นเองค่ะ มาดูกันดีกว่าการเก็บรักษาอาหารแต่ละแบบต้องทำอย่างไรกันบ้าง!?
อาหารแห้ง
การเก็บอาหารแห้งจะง่ายกว่าการเก็บอาหารแบบเปียก สำหรับอาหารชนิดนี้แค่เก็บไว้ในกล่องเก็บอาหารที่มีฝาล็อคไม่ให้ความชื้นเข้าไป และนำไปเก็บไว้ในห้อง หรือโซนบ้านที่มีสภาพอากาศไม่ร้อน ไม่ตากแดด ไม่มีความชื้น เพื่อคุณภาพของอาหารเม็ดสำเร็จรูป และเพื่อยืดอายุให้กับอาหารอยู่ได้นานขึ้นอีกด้วยค่ะ
อาหารเปียก
โดยปกติแล้วอาหารเปียก อาหารกระป๋องที่เปิดฝาแล้วนำไปแช่ตู้เย็นจะมีอายุอยู่ได้เพียง 2-3 วันก็เน่าเสียแล้ว สาเหตุที่เน่าเสียนั้นเกิดจากเนื้ออาหารเปียกสัมผัสโดนกับอากาศ สิ่งปนเปื้อน และความชื้นในตู้เย็น ทำให้อาหารเปียกเสียเร็วถึงแม้จะใส่เอาไว้ในตู้เย็นก็ตามค่ะ
คำถามที่พบบ่อย
Q: แมวควรดื่มน้ำเยอะแค่ไหนในหนึ่งวัน?
A: โดยปกติแล้วปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวันจะขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนักตัว กิจกรรมในแต่ละวัน โรคประจำตัว และยาที่ได้รับอยู่ โดยปกติแมวควรกินน้ำอย่างน้อยวันละ 30-50 มล. ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แต่ถ้าหากมีโรคประจำตัวเช่น โรคไต โรคหัวใจ อาจจะต้องได้รับปริมาณตามสัตวแพทย์สั่ง
Q: แมวควรกินอาหารวันละกี่มื้อ?
A: สำหรับลูกแมวควรกินอาหาร 3 มื้อต่อวัน แต่ถ้าแมวอายุครบหนึ่งปีแล้ว ให้เปลี่ยนมาให้อาหารแค่วันละหนึ่งถึงสองครั้งต่อวันก็เพียงพอแล้วค่ะ
Q: แมวกินอาหารคนได้ไหม?
A: ได้ค่ะ แต่ไม่ควรให้น้องแมวกินบ่อย ๆ เพราะน้องแมวจะขาดสารอาหารที่จำเป็น และนอกจากนี้อาหารบางอย่างอาจจะส่งผลทำให้น้องแมวถึงแก่ชีวิตได้เลย ดังนั้นหลีกเลี่ยงการให้อาหารของคนกับน้องแมวจะดีที่สุดค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? รู้อย่างงี้แล้ว หวังว่าทุกคนจะเลือกซื้ออาหารที่ถูกใจน้องแมวกันนะคะ และสำหรับใครที่กำลังมองหาอาหารที่มีคุณภาพ ที่ PetPlease ได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว สนใจสั่งซื้อได้เลยค่ะ!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- ประเภทของอาหารแมว เรื่องควรรู้ก่อนเลือกซื้อให้น้องเหมียว
- เทคนิคเลือกซื้ออาหารให้น้องแมว
- แมวก็แพ้อาหารได้ และข้อควรรู้ก่อนจะเป็น
- โภชนาการของน้องแมวในแต่ละวัย
- Cat Nutrition: What Makes a Nutritional Cat Food?
- ประเภทอาหารแมว มีกี่เกรด มารู้จัก 3 ระดับเกรดแบ่งประเภทอาหารแมว
AUTHOR: MEW
2022, DEC 16