No products in the cart.

แชมพูและคอนดิชันเนอร์

แบรนด์
Select some options
Stores
More
ราคา
Price (Filter) - slider
Price (Filter) - inputs
THB
THB
แบรนด์
Stores
เพิ่มเติม
ราคา
Price (Filter) - slider
Price (Filter) - inputs
THB
THB
32 of 43 Results
Sort by
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่

แชมพูแมว

แชมพูแมว เป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญมากในการดูแลขน และผิวหนังของน้องแมว แต่ทาสแมวส่วนใหญ่มักมองข้ามผลิตภัณฑ์นี้ไป เพราะเข้าใจว่าแมวทำความสะอาดตัวเอง ด้วยการเลียขนตลอดเวลา จึงเข้าใจว่าแมวไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ แต่อันที่จริงแล้วแมวก็ต้องได้รับการดูแลรักษาความสะอาดร่างกายไม่ต่างจากสุนัขเลยค่ะ

 

วันนี้ PetPlease ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับแชมพูแมวที่ทุกคนควรรู้ มาแบ่งปัน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ค่ะ

 

1.ประเภทของแชมพูแมว
ในปัจจุบันแชมพูแมวมีหลากหลายมากในท้องตลาด แต่สามารถแบ่งออกได้หลัก ๆ 3 ประเภท ดังนี้

  • แชมพูแมวแบบทั่วไป
    แชมพูแมวแบบทั่วไป หรือที่บางคนเรียกว่าครีมอาบน้ำแมวเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราเห็นทั่วไปในท้องตลาด มักจะเป็นแชมพูทั่วไปที่มีคุณสมบัติในการช่วยทำความสะอาดผิวหนังและขนให้กับแมว แต่แชมพูแมวบางชนิดอาจจะทำให้น้องแมวเกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้ ดังนั้นเราควรเลือกสูตรอ่อนโยน เพื่อความปลอดภัยต่อผิวหนังของน้องแมวค่ะ
  • แชมพูแมวประเภทคอนดิชันเนอร์
    แชมพูประเภทคอนดิชันเนอร์หรือ คอนดิชันเนอร์แมว เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมสำหรับแมวบางชนิดค่ะ เพราะจริง ๆ แล้ว แมวไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวด แต่ในแมวบางสายพันธุ์ที่มีขนที่ยาว เช่น แมวพันธุ์เปอร์เซีย เป็นต้น การใช้คอนดิชันเนอร์จะช่วยให้ขนของน้องแมวยาว นุ่ม เงางาม และไม่พันกัน เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการแปรงขนนั่นเองค่ะ
  • แชมพูแมวแบบแห้ง
    แชมพูแมวแบบแห้ง ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักแมว เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าน้องแมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างกลัวน้ำ ดังนั้นการอาบน้ำแมวด้วยแชมพูแบบแห้งจึงตอบโจทย์มาก ๆ ซึ่งแชมพูแบบแห้งสามารถแบ่งย่อยออกมาได้ถึง 3 ประเภท ดังนี้
    – แชมพูแห้งแบบสเปรย์: สเปรย์ทำความสะอาดแมว เป็นแชมพูแมวแห้งที่คนค่อนข้างคุ้นเคยกันมากที่สุด โดยสเปรย์ทำความสะอาดแมวมีข้อดี คือ ใช้งานง่าย เพียงแค่ฉีดบนตัวของน้องแมว เช่น ลำตัว ขา หาง โดยไม่ต้องใช้น้ำล้างออกและใช้ผ้าเช็ดแค่นี้น้องแมวของเราก็สะอาดแล้ว! สารที่อยู่ในสเปรย์สามารถช่วยชจัดกลิ่นและชำระล้างแบบคทีเรียขนตัวของน้องแมวได้ แต่ด้วยความที่เป็นสเปรย์ต้องพ่นหลายรอบ ถึงจะทั่วตัวของน้องแมว ดังนั้นแชมพูสเปรย์แบบเห้งกับน้องแมวขนสั้นจะเหมาะสุด ๆ
    – 
    แชมพูแห้งแบบโฟม: สำหรับแชมพูแห้งแบบโฟม จะเหมาะสำหรับทำความสะอาดน้องแมวที่มีความสกปรกค่อนข้างมาก หรือแมวที่ไม่ค่อยชอบอาบน้ำ เพราะแชมพูเนื้อโฟมสามารถทำความสะอาดได้เยอะกว่าแบบสเปรย์ และแชมพูประเภทนี้สามารถใช้ได้ทั้งแมวขนสั้นและขนยาวค่ะ
    – แชมพูแห้งแบบแผ่น: จะคล้าย ๆ กับทิชชู่เปียก แชมพูประเภทนี้สามารถกำจัดสิ่งสกปรกหรือคราบบนเส้นขน และยังช่วยเคลือบขนเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกมาติดได้อีกด้วย แต่เรื่องความสะอาดในการกำจัดความมันของเส้นขน หรือผิวหนังอาจจะสู้แชมพูแห้งแบบอื่นไม่ได้ จึงเหมาะกับใช้ทำความสะอาดบริเวณที่เลอะเฉพาะจุดมากกว่า เช่น คราบน้ำลายบริเวณขอบปาก ฝ่าเท้า และก้น เป็นต้น นอกจากนี้แชมพูแห้งแบบแผ่นสามารถพกพาไปข้างนอกได้ง่าย เพราะจัดเก็บได้ง่าย

 

2.การเลือกซื้อแชมพูแมว
หลังจากรู้จักประเภทของแชมพูแมวแล้ว มาดูวิธีการเลือกซื้อแชมพูแมวดีกว่า ว่าแชมพูแบบไหนจะเหมาะกับแมวของเรากันนะ?

  • ซื้อแชมพูที่ผลิตมาสำหรับแมวโดยเฉพาะ
    ในการเลือกใช้แชมพูควรเลือกซื้อแชมพูที่ผลิตออกมาสำหรับแมวโดยเฉพาะ หลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดว่า แชมพูของน้องหมาและคนสามารถนำมาใช้กับแมวได้ แต่จริง ๆ แล้วไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ เพราะผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทจะมีค่าความด่างหรือ pH ที่ต่างกัน หากนำมาใช้อาจจะทำให้น้องแมวเกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังได้
  • ซื้อแชมพูที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ
    ถ้าน้องแมวของเราไม่ได้ป่วยเป็นโรคผิวหนังหรืออาการที่จะต้องใช้แชมพูที่มีสารเคมี แนะนำว่าให้เราเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติจะดีกว่า และถ้าผลิตภัณฑ์เขียนว่าแมวสามารถเลียได้ โดยไม่มีผลข้างเคียงจะดีมาก เพราะอย่าลืมว่าแมวเป็นสัตว์ที่เลียทำความสะอาดขนของตัวเองตลอดเวลา ดังนั้นถ้าสินค้าเขียนรายละเอียดตรงนี้มันจะปลอดภัยต่อน้องแมวของเรา
  • หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อแมว
    ก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ทุกอย่าง ไม่ใช่แค่แชมพู เราต้องอ่านรายละเอียดให้ครบถ้วน ว่ามีส่วนผสมของอะไรบ้าง ถ้าหากผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมเหล่านี้ เช่น พาราเบน, สีสังเคราะห์, ซัลเฟต หรือ ปิโตรเคมี ให้หลีกเลี่ยงเลยค่ะ เพราะสารเคมีที่กล่าวไปเป็นอันตรายต่อแมวอย่างมาก ดังนั้นเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของน้องแมว ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ควรอ่านส่วนผสมก่อนทุกครั้งนะคะ
  • เลือกแชมพูให้ตรงปัญหาที่ต้องการแก้ไข
    เราควรเลือกแชมพูให้เหมาะกับน้องแมว เช่น ถ้าน้องแมวมีปัญหาเรื่องขนร่วง ให้เราเลือกผลิตภัณฑ์ที่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องขนร่วง เพื่อที่จะแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างตรงจุด
    ลองใช้แชมพูทางการแพทย์สำหรับแมวที่มีอาการระคายเคือง
    ถ้าหากแมวของเรามีการระคายเคืองที่ผิวหนัง เกิดอาการแพ้หรืออาการคัน ให้เราลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแพทย์แทน เพราะแชมพูทางการแพทย์ มีคุณสมบัติที่ช่วยลดการอักเสบ แต่ถ้าหากใช้แล้วยังไม่ดีขึ้น ให้พาน้องแมวไปหาสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป

 

3.วิธีอาบน้ำแมว
การอาบน้ำแมวเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะแมวเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยชอบน้ำ แต่เราก็ต้องเรียนรู้การอาบน้ำแมวที่ถูกวิธี เพราะถ้าหากอาบน้ำให้แมวผิดวิธี อาจจะทำให้ขนของแมวไม่สะอาดและผิวหนังเกิดการระคายเคืองได้ วิธีอาบน้ำแมวที่ถูกต้อง มีดังนี้

  • ตัดเล็บแมวก่อนอาบน้ำ
    การตัดเล็บน้องแมวก่อนอาบน้ำ จะป้องกันไม่ให้น้องแมวบาดเจ็บเมื่อเกาผิวหนังของตัวเอง และยังป้องกันไม่ให้เราโดนน้องแมวข่วนอีกด้วย
  • แปรงขนแมว
    ก่อนอาบน้ำแมว เราควรแปรงขนเพื่อที่ขนของแมวจะได้ไม่พันกัน และกำจัดขนที่ร่วงออกไปให้หมด
  • นำสำลีอุดหูแมว
    นำเอาสำลีอุดหูแมว เพื่อป้องกันน้ำเข้าไปข้างในหูของน้องแมว เพราะถ้าหากน้ำเข้าหูอาจจะทำให้เกิดการอักเสบได้
  • ค่อย ๆ จับแมวลงอ่างอาบน้ำ
    ถ้าหากน้องแมวมีอาการกลัว อาจจะเริ่มจุ่มแค่ขาก่อน แล้วให้น้องเอามือข้างหน้าเกาะขอบอ่างเอาไว้ จากนั้นค่อย ๆ เอามือกวักน้ำ ให้ลงบนตัวแมวจนเปียกทั่วตัว แต่ถ้าน้องแมวดิ้น จนต้านแรงน้องไม่ไหวจริง ๆ ให้หยุดการอาบน้ำแมวไปก่อน
  • ผสมแชมพูกับน้ำ
    เราไม่ควรนำแชมพูชโลมไปบนผิวของน้องแมวโดยตรง เพราะจะทำความสะอาดได้ไม่ทั่วตัว ทำให้ต้องบีบแชมพูมากขึ้น แถมบริเวณที่ชโลมแชมพูยังเข้มข้นมาก ทำให้ล้างออกยากขึ้นอีกด้วย
  • ล้างหน้าแมวด้วยน้ำเปล่าหรือผ้าชุบน้ำหมาด
    ห้ามเอาฝักบัวฉีดหรือราดน้ำบนหน้าแมวเด็ดขาด เพราะน้ำอาจจะเข้าตาและจมูกของน้องแมวได้ ให้ค่อย ๆ เอามือที่เปียกลูบหน้าน้อง หากมีขี้ตาหรือคราบดำ ๆ ที่จมูก ค่อยใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือทิชชู่เปียกเช็ดออกทีหลังได้
  • ดึงสำลีที่อุดหูออก
    จากนั้นจึงเช็ดตัวและใช้ไดร์เป่าขนเป่าให้แห้งสนิท 
    เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วให้ดึงสำลีที่อุดหูน้องแมวออก จากนั้นให้เช็ดตัวน้องจนหมาด และใช้ไดร์เป่าขนให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันเกิดเชื้อรา และควรหลีกเลี่ยงการใช้ไอร้อนจากไดร์เป่าผม ซึ่งอาจจะลวกผิวน้องและเกิดแผลได้

 

4.ข้อควรรู้เกี่ยวกับการอาบน้ำแมว
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการอาบน้ำแมวที่สำคัญ มีดังนี้

  • การอาบน้ำแมวควรฝึกตั้งแต่เด็ก
    การฝึกให้แมวอาบน้ำตั้งเด็ก ๆ จะทำให้เขาคุ้นชิน โดยเราสามารถเริ่มอาบน้ำให้น้องแมวตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไป
  • ไม่ควรอาบน้ำแมวบ่อย
    ถึงเราจะรักสะอาดมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรอาบน้ำให้น้องแมวบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้น้ำมันที่เคลือบขนหายไป และจะทำให้ขนของน้องแมวอ่อนแอลง หากจำเป็นต้องอาบน้ำแมว ควรจะอาบทุก ๆ 1 – 3 เดือน
  • ถ้าน้องทนไม่ไหวให้หยุดอาบน้ำทันที!
    หากเราจับน้องแมวอาบน้ำ แต่น้องมีท่าทีต่อต้าน ให้เราหยุดการอาบน้ำทันที อย่าฝืนต่อเพราะอาจเจ็บตัวได้ แถมน้องแมวก็จะเครียดและจำฝังใจเมื่อต้องโดนจับไปที่ห้องน้ำอีกด้วย
  • อย่าจับหนังคอ
    ถ้าเราไม่รู้ตำแหน่งที่ถูกต้อง อย่าจับหนังคอน้องแมวเด็ดขาด! เพราะอาจจะทำให้น้องแมวอาจหายใจไม่ออกได้

 

5.คำถามที่พบบ่อย

Q: ใช้แชมพูคนอาบให้ได้ไหม?
A: ไม่ได้ ควรใช้แชมพูอาบน้ำสำหรับแมวโดยเฉพาะ ห้ามใช้ยาสระผมหรือครีมอาบน้ำของคนเด็ดขาด รวมถึงแชมพูสุนัขก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้ผิวของแมวแห้งและอาจเป็นพิษได้

 

Q: ควรอาบน้ำให้แมวบ่อยแค่ไหน?
A: การอาบน้ำแมวควรทำทุก ๆ 1–3 เดือน เพื่อป้องกันปรสิตที่อาจติดมาในขนแมว ป้องกันเชื้อราที่ติดมากับผิวหนังและช่วยลดกลิ่นเหม็น แต่แมวที่มีอายุมากและเป็นโรคภูมิแพ้ ควรอาบน้ำเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อลดอาการขนร่วงและป้องกันอาการคันบนผิวหนังได้

Q: อาบน้ำแมวช่วงเวลาไหนดี?
A: แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบอยู่ในน้ำและชอบวิ่งเล่นในห้องน้ำมากกว่า ดังนั้น ในการอาบน้ำแมว ควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการอาบน้ำ เช่น หลังจากที่แมววิ่งเล่นเสร็จ ช่วงเวลาที่แมวมีอาการเหนื่อย ซึ่งจะช่วยให้สามารถจับแมวมาอาบน้ำได้ง่ายขึ้น

 

หากสนใจซื้อผลิตภัณฑ์แชมพูแมวและคอนดิชันเนอร์แมว สามารถซื้อได้จาก PetPlease