
เป็นที่ทราบกันดีว่าในบรรดาคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์ การอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงถือเป็นเรื่องยากและท้าทายเอามาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ โดยเฉพาะการอาบน้ำให้เจ้าสุนัข เพราะการอาบน้ำสุนัขเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต้องอาศัยการเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพื่อที่จะได้อาบน้ำให้น้องได้ถูกวิธี และทำให้น้องชื่นชอบการอาบน้ำมากยิ่งขึ้นโดยไม่ทำให้น้องเกิดการระคายเคืองผิวและปัญหาอื่น ๆ ตามมาด้วยนั่นเองค่ะ
วันนี้ Pet please ก็ได้นำข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการอาบน้ำสุนัขแบบถูกวิธีแบบฉบับมือโปรมาฝากทุกคนกันค่ะ
บทความนี้ขอนำเสนอ
- การเตรียมตัวก่อนอาบน้ำสุนัข
- 6 ขั้นตอนการอาบน้ำ แบบฉบับมือโปร
- เคล็ดลับการอาบน้ำที่ถูกวิธี
- ข้อควรระวังในการอาบน้ำสุนัข
- การเลือกแชมพูอาบน้ำสุนัข
- คำถามที่พบบ่อย
เรามาเริ่มกันที่การเตรียมตัวก่อนอาบน้ำสุนัข ก่อนเลย มีอะไรบ้าง?

- ควรเลือกเวลาอาบน้ำให้เหมาะสม เช่น วันที่อากาศอบอุ่นสบาย ไม่หนาวจนเกินไป เพราะน้องอาจจะป่วยได้
- การเลือกเวลาอาบน้ำ ควรเลือกสถานที่ที่ลมพัดไม่แรง เพื่อป้องกันไม่ให้น้องรู้สึกหนาวขณะอาบน้ำ
- การเตรียมอุปกรณ์ ก่อนอาบน้ำควรเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้พร้อมเช่น แปรงและหวีสำหรับแปรงขนก่อนอาบน้ำ สำลีสำหรับอุดหู แชมพูอาบน้ำสุนัข น้ำอุ่น ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัวและห่อตัว ไดร์สำหรับเป่าขนสุนัข อุปกรณ์ทุกอย่างควรตั้งให้ใกล้มือจะได้หยิบใช้ได้สะดวก
- ควรแปรงขนให้สุนัขทุกครั้งก่อนอาบน้ำ เพื่อสางสิ่งสกปรกให้ออกมาจากขน และช่วยทำให้ขนไม่พันกันจนหลุดร่วง ทำให้อาบน้ำได้สะอาดมากยิ่งขึ้น
- ควรอุดหูสุนัขด้วยสำลีก่อนอาบน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหูขณะอาบน้ำ
6 ขั้นตอนการอาบน้ำสุนัข แบบฉบับมือโปร

- ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาด ลูบที่ใบหน้าสุนัขเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าตา หู และจมูก
- จากนั้นเริ่มฉีดน้ำโดยไล่จากขาขึ้นไปตามลำตัว
- เมื่อตัวเปียกดีแล้ว ใช้แชมพูสุนัขบีบใส่มือเจือจางด้วยน้ำแล้วขยี้ให้เกิดฟองก่อนถูลงบนตัวสุนัข โดยใช้วิธีการถูย้อนขนให้ทั่วทั้งตัว เน้นตามซอกเท้า อุ้งเท้า และใต้หาง
- ขณะฟอกตัวด้วยแชมพูสุนัข ให้นวดตัวน้องไปด้วยเบา ๆ เพื่อที่น้องจะได้รู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี
- ล้างแชมพูออก โดยการฉีดน้ำเบา ๆ เริ่มจากลำตัว ขาและหางตามลำดับ ส่วนบริเวณใบหน้าควรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดเช็ดอย่างระมัดระวัง
- เมื่อล้างแชมพูออกหมดแล้ว นำสำลีที่อุดหูออก แล้วค่อย ๆ เช็ดตัวสุนัขด้วยผ้าขนหนู จากนั้นห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่เพื่อมอบความอบอุ่น
เคล็บลับการอาบน้ำสุนัขอย่างถูกวิธี

บ้านไหนชอบพาเจ้าสุนัขเข้าซาลอนบ้างเอ่ย? เพราะการเข้าซาลอนเป็นอะไรที่ง่าย สะดวก ราคาสูง ซึ่งหลายๆคนก็ยอมจ่าย เพราะไม่ว่ากลับมาจากร้านซาลอนทีไรขนจองเจ้าตูบก็นุ่มสลวยเสียเหลือเกิน ไม่เหมือนกับการอาบด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะอาบกี่รอบก็ไม่หอมฟุ้ง ไม่นุ่ม เท่าที่ร้าน วันนี้เราเลยเอาเคล็ดลับการอาบน้ำสุนัขมาฝากทุกคนกันค่ะ รับรองว่าสามารถทำเองได้ง่ายๆที่บ้านแบบไม่ต้องง้อร้านอีกต่อไป
ก่อนอาบน้ำ
- ควรใช้แปลงแปลงขนหรือหวีสางขนให้น้องก่อนอาบน้ำเสมอ เพื่อสางเอาฝุ่นและสิ่งสกปรกออกไป และยังเป็นการช่วยลดขนพันกันจนหลุดร่วงได้อีกด้วยค่ะ
- ควรใช้สำลีอุดหูสุนัขก่อนอาบน้ำทุกครั้ง เพื่อป้องกันน้ำไม่ให้เข้าหูสุนัข
ช่วงอาบน้ำ
- ใช้น้ำอุ่นค่อย ๆ ล้างตัวจากล่างขึ้นบน เพื่อไม่ให้น้องสุนัขช็อกกับอุณหภูมิน้ำจนวิ่งหนีไป การใช้เทคนิคนี้จะทำให้น้องค่อยๆปรับอุณหภูมิได้เองค่ะ
- ก่อนบีบเเชมพูควรตีให้เกิดฟองหรือนำไปเจือจางกับน้ำก่อนนำมาถูตัวสุนัข โดยเริ่มถูจาก บริเวณสะโพกขึ้นมาด้านบน เน้นบริเวณซอกนิ้ว อุ้งเทา และใต้หางซึ่งเป็นบริเวณที่มีสิ่งสกปรกหมักหมม
- ไม่ควรลงแชมพูลงบนผิวหนังของสุนัขโดยตรงเพราะอาจทำให้ผิวน้องระคายเคืองได้
หลังอาบเสร็จ
- หลังจากอาบน้ำเสร็จให้ใช้ผ้าขนหนูสำหรับซับน้ำซับจนขนสุนัขเเห้งหมาด ๆ จากนั้นใช้ไดร์เป่าให้แห้งทันที
- การใช้ไดร์เป่าขนสุนัขควรเป่าให้แห้งสนิท เพราะความชื้นจะทำให้แบคทีเรียและเชื้อราเจริญเติบโตได้ดี และนำไปสู่โรคผิวหนังได้ค่ะ
- การเป่าขนสุนัขด้วยการใช้ไดร์เป่าขน ควรใช้ลมอุ่นๆไม่ควรใช้ลมร้อนหรือเย็นจนเกินไป อาจทำให้น้องป่วยได้ เพราะปรับอุณหภูมิไม่ทัน และที่สำคัญผิวหนังสุนัขมีความบอบบางมากนั่นเองค่ะ
ข้อควรระวังในการอาบน้ำสุนัข

แน่นอนค่ะว่าการอาบน้ำให้สุนัขเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องเอาใจใส่และคอยระมัดระวังอยู่เสมอ เจ้าของควรคำนึงถึงความสะอาดที่ต้องควบคู่ไปกับความปลอดภัยหลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่อาจทำให้น้องสุนัขเกิดอาการแพ้และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รวมไปถึงลักษณะของขนเจ้าตูบ
โดยเลือกให้ถูกต้องเหมาะสมกับขนหรือปัญหาของสุนัขแต่ละตัว เพื่อสุขภาพขนและผิวที่ดีความปลอดภัยต้องมาก่อนนน้า
- ระวังอย่าให้แชมพู เข้าหู เข้าตา จมูก สุนัขโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เยื่อดวงตาอักเสบ
- ควรเลือกใช้แชมพูสำหรับสุนัขเท่านั้น โดยเลือกให้เหมาะกับวัยและลักษณะขนของสุนัข
- การอาบน้ำควรอาบอย่างต่อเนื่องให้เสร็จไม่ควรมีการเว้นช่วง เพราะน้องจะชอบสลัดขน และอาจวิ่งหนีไปก่อนจะอาบน้ำเสร็จ
- หลังอาบน้ำควรระวังอย่าละเลยจุดสำคัญที่ต้องเช็ดทำความสะอาด เช่น อุ้งเท้า โคนหาง รูหู เพราะไม่อย่างงั้นอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ส่งผลให้น้องสุนัขป่วยนั่นเอง
- ระวังอย่าให้สุนัขเลียแชมพูระหว่างการอาบน้ำเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
การเลือกแชมพูอาบน้ำสุนัข

ปัจจัยในการเลือกซื้อแชมพูสุนัขคล้ายกับการเลือกซื้อแชมพูชองมนุษย์เราเลยค่ะ ควรมีการศึกษาและสังเกตลักษณะเส้นขนและสภาพผิวหนังของสุนัขก่อน จากนั้นจึงเลือกสูตรที่เหมาะสมและตอบโจทย์ปัญหาของสุนัขแต่ละตัว ซึ่งในท้องตลาดมีแชมพูที่ตอบโจทย์ปัญหาของสุนัข มี 6 แบบ ดังต่อไปนี้
แชมพูสำหรับสุนัขที่มีปัญหาผิวหนัง
เลือกแชมพูให้เหมาะกับโรคผิวหนังแต่ละโรค
- ผิวหนังแพ้ง่าย อักเสบหรือแห้ง ควรเลือกสูตรที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ แตงกวา หรือสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมสารดับกลิ่นตัวและสารที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค
- อาการคัน ควรเลือกสูตรที่มีส่วนผสมของยูคาลิปตัสหรือสมุนไพรที่ออกฤทธิ์เย็น เพราะสามารถช่วยบรรเทาโรคผิวหนังต่างๆอย่างโรคกลากเกลื้อนได้
- รังแค แนะนำให้เลือกสูตรที่มีส่วนผสมของกลีเซอรีนหรือสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆเพราะช่วยมอบความชุ่มชื่นให้ผิวและปกป้องไม่ให้ผิวแห้ง ลดความเสี่ยงที่จะเกิดรังแคได้ค่ะ
แชมพูสำหรับดูแลเส้นขนสุนัข
แบ่งออกเป็น 2 สูตรหลักๆ คือ
- สูตรบำรุงขนแห้ง เหมาะสำหรับสุนัขบางตัวที่อาจถูกเลี้ยงไว้ในห้องแอร์ หรืออยู่ในที่อากาศหนาว ๆ ผิวหนังของพวกเขาจึงมีความแห้งและคันได้ง่ายนั่นเองค่ะ
- สูตรขจัดความมัน เหมาะสำหรับสุนัขที่มีขนมันง่าย ทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาแนะนำให้ใช้สูตรสะอาดสดชื่น เพื่อที่จะทำให้สุนัขรู้สึกสบายตัว
แชมพูสำหรับกำจัดเห็บหมัด
เห็บและหมัดถือเป็นปรสิตภายนอกที่พบได้บ่อยในประเทศไทยและเป็นปัญหากวนใจที่คนรักสุนัขต้องพบเจอ ควรเลือกแชมพูสำหรับกำจัดเห็บหมัดโดยเฉพาะมีส่วนประกอบของเพอร์เมทริน (Permethrin) มีฤทธิ์ที่ทำให้เห็บและหมัดเป็นอัมพาตจนร่วงออกจากตัวเป็นสารที่มีพิษและเป็นอันตรายต่อแมลง แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสุนัขค่ะ
แชมพูออร์เเกนิค
แชมพูออร์แกนิคเป็นแชมพูที่เน้นส่วนผสมหลักจากธรรมชาติธรรมชาติและไม่ใส่สารเคมีอันตรายต่อผิวของสุนัข จึงอ่อนโยนและลดความเสี่ยงในการแพ้ แนะนำให้หาสูตรที่ระบุว่า No More Tearด้วยนะคะ เพื่อที่สุนัขจะได้ไม่รู้สึกระคายเคืองเวลาแชมพูเข้าตานั่นเองค่ะ และก่อนใช้ควรทำการทดสอบการแพ้โดยการทาเเชมพูบริเวณขาหนีบ 3-5นาทีจากนั้นค่อยล้างออก หากผิวหนังบริเวณที่ทดสอบมีความแดง หรือผื่นขึ้น ควรเปลี่ยนแชมพูทันทีค่ะ
แชมพูสุนัขแบบแห้ง
แชมพูสุนัขแบบแห้งเหมาะสำหรับสุนัขที่ไม่ชอบอาบน้ำหรือมีอายุมากโดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่ถูกเลี้ยงในระบบปิด และสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กเป็นแชมพูที่สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องล้างออก ไม่ต้องพึ่งน้ำสามารถพกพาออกไปใช้นอกบ้านได้ สะดวก สะอาด และรวดเร็วทันใจ ซึ่งแชมพูแห้งสำหรับสุนัขมีหลายแบบ ทั้งเนื้อโฟม เนื้อแป้ง แบบสเปรย์
- แชมพูสุนัขแบบแห้งเนื้อโฟม
แชมพูสุนัขแบบแห้งเนื้อโฟมจะเป็นแบบที่พบเจอได้มากที่สุด โดยลักษณะของเนื้อโฟมจะมีความแน่นฟู ขาวละเอียด มักบรรจุภัณฑ์มาในรูปแบบขวดปั๊ม เมื่อกดหรือปั๊มออกมาก็ได้ฟองโฟมนุ่มๆสามารถลูบไล้หรือถูไปตามเส้นขนของน้องได้เลยค่ะแบบไม่ต้องล้างออก โดยสถานะการคงตัวของฟองโฟมก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์หรือยี่ห้อ
- แชมพูสุนัขแบบแบบเนื้อแป้ง
แชมพูสุนัขแบบแห้งเนื้อแป้ง เป็นแชมพูที่มีแปลกใหม่เพราะจะให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับการอาบน้ำแต่เหมือนกับการประแป้งมากกว่าซึ่งเหมาะมากสำหรับคนขี้เกียจ
- แชมพูสุนัขแบบแบบสเปรย์
แชมพูสุนัขแบบแบบสเปรย์ จะมีราคาค่อนข้างแพงกว่าแบบอื่นๆแถมการใช้งานก็แอบยากกว่าแบบอื่นๆด้วยค่ะ ควรฉีดแชมพูแบบสเปรย์ลงบนมือเราก่อนแล้วค่อยลูบไล้หรือถูตามตัวน้องสุนัข ไม่ควรฉีดลงบนผิวโดยตรงเนื่องมีแรงอัดลมที่สูง อาจทำให้น้องตกใจหรือบาดเจ็บได้ค่ะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาแชมพูที่มีคุณภาพ ดีต่อน้องหมา ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง สามารถซื้อที่ PetPlease ได้เลย เพราะเราเลือกสรรสินค้าคุณภาพดีมาให้ทุกคนแล้ว!
FAQ
Q: ลูกสุนัขสามารถใช้แชมพูทั่วไปได้ไหม?
A: ไม่แนะนำให้ใช้แชมพูทั่วไป เพราะอาจมีค่า pH ที่ไม่เหมาะสมสำหรับลูกสุนัข ส่งผลให้น้องเกิดการระคายเคืองได้ เนื่องจากผิวน้องบอบบางและมีโอกาสแพ้ได้ง่ายมาก ควรใช้แชมพูสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะดีกว่าค่ะ
Q: ควรเลือกซื้อแชมพูสุนัขแบบไหนดี?
A: แนะนำว่า ควรจะมีแบบฟองโฟมหรือแบบสเปรย์อย่างน้อย 1 ตัว เพื่อเอาไว้ใช้อาบแห้ง ส่วนจะซื้อแบบแป้งมาช่วยเสริมหรือมาใช้วันไหนที่ขี้เกียจๆก็จะช่วยประหยัดเวลาได้ดีมากค่ะ
Q: ควรอาบน้ำสุนัขบ่อยแค่ไหน
A: สำหรับสุนัขแค่เดือนละ 1 – 2 ครั้ง ก็ถือว่าเพียงพอแล้วล่ะค่ะ เนื่องจากการอาบน้ำให้น้องสุนัขบ่อยเกินไป จะทำให้น้องสูญเสียน้ำมันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติไป ส่งผลให้มีผิวแห้ง และอาจทำให้ขนไม่เงางามได้ค่ะ
Q: การอาบน้ำสุนัขขนสั้นกับสุนัขขนยาวต่างกันไหม?
A: ต่างกันค่ะ สุนัขขนยาวจะมีชั้นขนที่หนากว่าสุนัขขนสั้น จึงต้องใส่ใจและพิถีพิถันรวมไปถึงใช้เวลาอาบน้ำนานเป็นพิเศษกว่าสุนัขขนสั้น
Q: สุนัขเริ่มอาบน้ำตอนอายุเท่าไหร่
A: สุนัขเริ่มอาบน้ำได้ ควรมีอายุไม่ต่ำกว่า 2 เดือน เพราะสุนัขที่อายุน้อยกว่า 2 เดือนร่างกายยังไม่แข็งแรงและภูมิต้านทานโรคยังต่ำ จะทำให้สุนัขป่วยง่าย
Q: ควรอาบน้ำให้สุนัขตอนไหน
A: ควรอาบเมื่อสุนัขมีกลิ่นตัวเเรงกว่าปกติ หรือขนเริ่มสกปรก มิฉะนั้นจะทำให้น้ำมันที่หล่อเลี้ยงขนและกลิ่นตัวสุนัขหายไป
โดยธรรมชาติสุนัขแต่ละตัวแต่ละสายพันธุ์จะมีกลิ่นเฉพาะที่ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว โดยจะขับออกมาในบางบริเวณ อย่างเช่น อุ้งเท้า ซึ่งเป็นที่อยู่ของต่อมสร้างกลิ่น เพื่อสร้างฟีโรโมนเป็นสารเคมีที่ใช้สื่อสารหรือดึงดูดสุนัขเพศตรงข้าม อีกทั้งยังมีน้ำมันที่ขับออกมาหล่อเลี้ยงเส้นขน ให้มีความนุ่มลื่นและเงางาม ดังนั้นเราไม่ควรอาบน้ำสุนัขบ่อยจนเกินไป ควรอาบเมื่อสุนัขมีกลิ่นตัวเเรงกว่าปกติ หรือขนเริ่มสกปรก มิฉะนั้นจะทำให้น้ำมันที่หล่อเลี้ยงขนและกลิ่นตัวสุนัขหายไป จึงเป็นเหตุว่าทำไม สุนัขถึงชอบไปนอนเกลือกกลิ้งตามพื้นหญ้าพื้นดิน ก็เพื่อให้กลิ่นตัวธรรมชาติของมันกลับคืนมานั่นเอง สิ่งสำคัญในการดูแลความสะอาดของสัตว์เลี้ยงคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับและการทำความสะอาดอย่างถูกวิธีนะคะ เพื่อนqลองนำข้อมูลและความรู้ไปลองปรับใช้ได้นะคะ ส่วนบ้านไหนที่ยังเป็นมือใหม่หัดเลี้ยง ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือใช้ตัวไหนดี ลองให้ PetPlease ช่วยคุณดูสิคะ!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- อาบน้ำน้องหมาอย่างไร ให้สุขภาพดีและปลอดภัย
- 10 อันดับ แชมพูสุนัข ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 กำจัดเห็บหมัด รักษาเชื้อรา
- แชมพูอาบแห้งแมว / สุนัข” ยี่ห้อไหนดี 2023 มีรีวิว หลายยี่ห้อ
AUTHOR: AEOHHH
2023, JAN 18