มีพ่อแม่บ้านไหนที่กำลังมองหาสัตว์เลี้ยงให้ลูกน้อยที่บ้านเลี้ยงกันบ้างไหมคะ แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะให้ลูกของเราเลี้ยงสัตว์อะไรดี เพราะกลัวว่าหากนำมาเลี้ยงแล้วสัตว์เหล่านั้นจะเป็นอันตรายต่อลูกของเรา หรืออาจจะมีผลต่อสุขภาพ เช่น เป็นโรคภูมิแพ้ หรือทำร้ายร่างกายของลูกเราหรือเปล่านะ? วันนี้ PetPlase จึงอยากมาแนะนำสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับเด็ก ให้พ่อแม่ได้เลือกสัตว์น่ารัก ๆ ไปให้เจ้าตัวน้อยที่บ้านกัน!
บทความนี้ขอนำเสนอ
- ข้อดีของการให้ลูกเลี้ยงสัตว์
- ให้ลูกเริ่มเลี้ยงสัตว์ตอนไหนดีนะ?
- แล้วสัตว์แบบไหนที่เหมาะกับเด็กเล็กกันล่ะ!
ข้อดีของการให้ลูกเลี้ยงสัตว์
ก่อนที่จะไปเลือกสัตว์เลี้ยงให้เจ้าตัวน้อยของเราที่บ้าน มาดูกันก่อนดีกว่าว่าข้อดีการให้ลูกเลี้ยงสัตว์มีอะไรบ้างน้า?
มีความรับผิดชอบมากขึ้น
การเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่แค่ว่าเราจะมาเลี้ยงเขาเพื่อไว้ดูเล่นอย่างเดียวทั้งนั้นนะคะ แต่การนำเขามาเลี้ยงเรายังต้องดูแลชีวิตของเขาไปตลอดทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอยู่อาศัย การกินอาหาร พาไปเดินเล่น ดูแลเรื่องขับถ่ายและอีกหลาย ๆ เรื่องเลยล่ะค่ะ ถ้าเราสอนให้ลูกของเรารู้จักดูแลสัตว์เลี้ยง เช่น วันนี้ให้พาสุนัขออกไปเดิน หรือ วันนี้ต้องตักอึและฉี่ออกจากกระบะทราย การให้เขารับผิดชอบและทำหน้าที่เหล่านี้จะทำให้เขามีความรับผิดชอบที่มากขึ้นนั่นเองค่ะ
เด็กมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น
มีงานวิจัยบอกว่าเด็กที่เติบโตมาในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงนั้น ทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันและมีความเสี่ยงน้อยลงที่จะเป็นโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดค่ะ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยบอกอีกด้วยว่าการเลี้ยงสัตว์ทำให้ความดันโลหิตต่ำ ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยลง คอเลสเตอรอลลดลงอีกด้วยนะคะ ถ้าใครอยากให้ลูกน้อยที่บ้านแข็งแรงก็ต้องให้ลูกเลี้ยงสัตว์แล้วน้า~
ไม่รู้จักคำว่าเหงาอีกต่อไป!
การเลี้ยงสัตว์จะทำให้คุณไม่รู้สึกเหงาต่อไปอีกแน่นอนค่ะ! เพราะว่าเราต้องดูแลชีวิตของสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำ ให้อาหาร และอีกต่าง ๆ มากมาย การที่เราต้องรับผิดชอบหน้าที่เหล่านี้ทำให้เราไม่มีเวลาไปเหงาแน่นอนค่ะ และยังมีงานวิจัยออกมาบอกอีกด้วยว่าการเลี้ยงสัตว์สามารถช่วยรักษาภาวะซึมเศร้าให้ดีขึ้นได้อีกด้วยนะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองเลี้ยงสัตว์สักตัวดูสิคะ!
เพิ่มทักษะการพูดและการเข้าสังคม
บ้านไหนที่มีลูกน้อยเข้าสังคมไม่เก่งหรือพูดน้อย ก็ลองเลี้ยงสัตว์ดูสักตัวสิคะ เพราะว่าการเลี้ยงและการเล่นกับสัตว์จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด สบายใจ นอกจากนี้ยังทำให้เด็กมีพัฒนาการทางการสื่อสารอีกด้วยนะคะ เพราะว่าไม่มีใครคนไหนที่จะไม่พูดกับสัตว์เลี้ยงของตัวเองแน่นอนค่ะ การพูดกับสัตว์ไม่กดดันและประหม่าเท่ากับการพูดกับผู้ใหญ่จึงทำให้เด็ก ๆ กล้าพูดมากขึ้นนั่นเองค่ะ
ลดความเครียดได้ด้วยนะ
หลาย ๆ คนอาจจะไม่เข้าใจว่าการเลี้ยงสัตว์จะช่วยลดความเครียดได้ยังไงกัน ในเมื่อต้องมีสิ่งที่รับผิดชอบมากมาย แต่เจ้าสัตว์เลี้ยงสามารถลดความเครียดได้จริง ๆ นะ! แค่ลูบขนสัตว์ที่นุ่ม ลื่น ก็สามารถทำให้ความดันเลือดลดลง จึงส่งผลให้ความเครียดและความวิตกกังวลลดลงไปได้เช่นกันค่ะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองแวะลูบขนแมวหรือสุนัขจรจัดดูสิคะ แต่ต้องระวังโดนกัดด้วยนะ
เข้าใจชีวิตมากขึ้น
ด้วยธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว หรือหนู หลาย ๆ ตัวจะชอบกัดและแทะสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้าน บางครั้งน้อง ๆ ก็อาจจะเผลอตัวไปกัดของรักของหวงของเรา ซึ่งแน่นอนค่ะว่าความรู้สึกแรก ๆ ทุกคนก็คงจะรู้สึกโกรธกันทั้งนั้น แต่เราสามารถสอนให้ลูกรู้จักให้อภัยได้ เพราะสัตว์เลี้ยงไม่ได้ตั้งใจแค่ทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังเข้าใจวัฎจักรชีวิตได้ดีขึ้นอีกด้วย เด็ก ๆ จะเข้าใจว่าการเกิด เจ็บ แก่ และตายเป็นเรื่องปกติ เมื่อเขาเสียสัตว์เลี้ยงหรือเสียคนรอบตัวไป เขาจะรับมือกับความเสียใจได้ดีกว่าคนที่ไม่เคยสูญเสียอะไรไปเลยนั่นเองค่ะ
ให้ลูกเริ่มเลี้ยงสัตว์ตอนไหนดีนะ?
การนำสัตว์มาเลี้ยงไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ จะอยากเลี้ยงก็เลี้ยงได้เลยนะคะ เราต้องดูหลาย ๆ เรื่องประกอบกันด้วย ต้องดูว่าเรามีความพร้อมในการเลี้ยงเขาหรือเปล่า แล้วคนในครอบครัวจะสะดวกใจไหมถ้าเรานำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบ้าน รวมถึงความพร้อมของคนในบ้านด้วยค่ะ สำหรับผู้ใหญ่ก็อาจจะไม่น่ากังวลมากนัก แต่สำหรับเด็ก ๆ นั้น ถ้าเขาอยากเลี้ยงสัตว์เราต้องดูหลาย ๆ เรื่องประกอบกันเลยค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าเวลาไหนที่ลูกเราพร้อมเลี้ยงสัตว์แล้ว!?
มีความรับผิดชอบ
ก่อนที่เราจะเด็ก ๆ ที่บ้านเลี้ยงสัตว์ เราต้องสังเกตก่อนว่าเขามีความรับผิดชอบในการดูแลตัวเองได้ดีพอแล้วหรือยัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวไปโรงเรียนได้ด้วยตัวเอง รวมถึงการมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ต่าง ๆ เช่น การทำการบ้าน เป็นต้นค่ะ ถ้าลูกของเราทำหน้าที่เหล่านี้ของตัวเองได้ดี มั่นใจได้เลยค่ะว่าพวกเขาพร้อมที่จะเลี้ยงสัตว์แน่นอน แต่ยังไงก็อย่าลืมที่จะบอกหน้าที่ของเขาในการเลี้ยงสัตว์ด้วยนะคะ ว่าต้องทำอะไรบ้าง เขาจะได้รู้หน้าที่ของตัวเองค่ะ
มีความอดทน
ด้วยธรรมชาติของสัตว์แล้ว พวกมันอาจจะทำอะไรที่ไม่ดีตามสัญชาตญาณ เช่น การกัดแทะสิ่งของ ทำลายข้าวของ ถ้าเด็ก ๆ ที่บ้านไม่มีความอดทนมากพอ ไม่เข้าใจพฤติกรรมของสัตว์ อาจจะทำให้เขารู้สึกโกรธจนไปทำร้ายร่างกายสัตว์เลี้ยงก็ได้ ดังนั้นก่อนที่จะนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงที่บ้าน คุณต้องสังเกตก่อนว่าเด็ก ๆ ที่บ้านมีความอดทนมากพอ ไม่งั้นอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ในอนาคตนะ!
คุ้นเคยกับสัตว์
อย่างที่กล่าวไปในตอนแรกค่ะ ว่าสัตว์มักจะมีสัญชาตญาณต่าง ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดและโกรธได้ เช่น พฤติกรรมการกัดแทะสิ่งของ การปัสสาวะเรี่ยราด หรือส่งเสียงดังจนเรารำคาญ ถ้าเด็ก ๆ ที่บ้านของเราไม่เข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ของสัตว์หรือพวกเขายังไม่คุ้นเคยกับสัตว์ ก็อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่อยากเลี้ยงสัตว์ได้ ดังนั้นเราต้องพาลูก ๆ ของเราไปทำความคุ้นเคยกับสัตว์ก่อน เช่น การพาไปสวนสัตว์ พาไปที่คาเฟ่สัตว์ หรือลองเล่นกับสัตว์เลี้ยงของบ้านอื่น ๆ เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์เหล่านั้นก็ได้เช่นกันค่ะ
แล้วสัตว์แบบไหนที่เหมาะกับเด็กเล็กกันล่ะ!
เดินทางมาถึงหัวข้อสุดท้ายกันแล้วค่ะ~ มาดูกันดีกว่าว่าสัตว์เลี้ยงแบบไหนที่เหมาะที่จะเด็กเล็ก ๆ เลี้ยงกันนะ มีกี่ชนิด มีอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ!
ปลา
สัตว์ชนิดแรกที่เหมาะแก่การให้เด็ก ๆ เลี้ยง นั่นก็คือ “ปลา” ค่ะ เพราะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงค่อนข้างง่ายเลยค่ะ ในต่างประเทศจะนิยมเลี้ยงปลาทองกัน แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว “ปลากัด” ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้ปลาทองเลยล่ะค่ะ เพราะเจ้าปลากัดเลี้ยงง่ายกว่า แถมยังตายยากอีกด้วยนะ!
การเลี้ยงปลานอกจากจะเลี้ยงง่ายแล้วยังสร้างความเพลิดเพลินให้เด็ก ๆ อีกด้วยนะคะ แถมเรายังฝึกให้ลูกของเราให้อาหารปลา เปลี่ยนน้ำ และยังฝึกการสังเกตต่าง ๆ จากการเลี้ยงปลาได้อีกด้วย ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในการนำมาให้เด็กเล็ก ๆ เลี้ยงเลยล่ะค่ะ
นก
นกถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดนึงที่น่าสนใจไม่แพ้ปลาเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะเลี้ยงยากไปสักหน่อยก็เถอะ แต่ก็มีนกอีกหลายชนิดที่ค่อนข้างฉลาดทำให้เลี้ยงง่าย เช่น นกแก้ว เป็นต้น ซึ่งการเลี้ยงนกเนี่ย เราต้องดูแลเอาใจใส่พวกมันมาก ๆ สำหรับพ่อแม่คนไหนที่อยากสอนเรื่องการดูแลเอาใจใส่ให้ลูก ๆ ที่บ้าน ก็อย่าลืมเก็บนกไว้เป็นตัวเลือกในใจด้วยนะคะ!
สุนัข
มาถึงสัตว์เลี้ยงยอดฮิตอย่างสุนัขกันบ้าง! เมื่อนึกถึงสัตว์ที่อยากจะให้ลูก ๆ เลี้ยง คุณพ่อคุณแม่คงจะนึกถึงสุนัขเป็นสัตว์ชนิดแรก ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ? ด้วยท่าทางที่น่ารักและเป็นมิตรของสุนัขอาจจะทำให้หลาย ๆ คน ตกหลุมรักน้องได้ง่าย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สุนัขทุกตัวที่จะเป็นมิตรกับเด็กเล็ก ๆ นะ!
ถ้าคุณพ่อและคุณแม่บ้านไหนอยากให้ลูก ๆ ที่บ้านเลี้ยงสุนัข อาจจะต้องเลือกสุนัขที่มีนิสัยเป็นมิตร ไม่ดุ และไม่ก้าวร้าว อย่างเช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ บีเกิ้ล ลาบราดอร์ หรือสุนัขพันธุ์เล็ก ๆ อย่าง ชิสุ พุดเดิล เป็นต้นค่ะ เพราะถ้าหากเลือกสายพันธุ์ที่ดุมาก ๆ อย่าง ร็อตไวเลอร์ ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อลูก ๆ ของเราได้ค่ะ
แมว
มาถึงสุดน่ารักอย่างน้องแมวกันบ้าง เป็นสัตว์อีกชนิดที่ฮิตไม่แพ้สุนัขเลยค่ะ ถึงแม้ว่าน้องแมวจะดูเป็นสัตว์ที่รักสันโดษไปสักหน่อย แต่การเลี้ยงน้องก็มีประโยชน์น้า~ มีงานวิจัยบอกว่าการลูบขนแมวจะช่วยให้เราผ่อนคลายและความเครียดลดลงได้ นอกจากนี้แมวยังมีนิสัยที่เป็นมิตรมากกว่าสุนัข แถมยังใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อยกว่าอีกด้วย บ้านไหนที่มีพื้นที่ในการเลี้ยงน้อย ก็ลองเลือกน้องแมวมาเลี้ยงได้นะ!
หนู
มาถึงสัตว์ฟันแทะสุดน่ารักอย่างหนูกันบ้าง ในปัจจุบันหนูที่นิยมเลี้ยงก็มีหลากหลายสายพันธุ์มาก ๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแฮมสเตอร์ หนูตะเภา แกสบี้ เป็นต้น หนูเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายมาก ๆ แถมยังใช้พื้นที่ในการเลี้ยงไม่เยอะอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็อย่าลืมนะคะว่าสัญชาตญาณของหนูเป้นสัตว์ที่ชอบกัดและแทะมาก ๆ ดังนั้นถ้าจะซื้อหนูมาให้ลูก ๆ ที่บ้านเลี้ยงก็ต้องระวังเขาโดนกัดด้วยนะ!
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะซื้อสัตว์เลี้ยงไหนมาอยู่เพื่อนเล่นกับลูก ๆ ที่บ้านนะ! สำหรับใครที่มีแพลนว่าจะเลี้ยงสัตว์ก็อย่าลืมที่จะพาลูกและตัวเองไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าด้วยนะคะ เพราะในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว หนู ถ้าหากมากัด ข่วนมือเราหรือลูกเราก็จะทำให้เราเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้นะ ต้องระวังมาก ๆ เลยค่ะ!
คำถามที่พบบ่อย
Q : เด็กเล็ก ๆ ควรเริ่มเลี้ยงสุนัขตอนอายุเท่าไหร่?
A : โดยปกติแล้วเด็กเล็กจะได้รับบาดเจ็บจากสุนัขบ่อย ๆ ดังนั้นถ้าอยากให้ลูกเลี้ยงสุนัขอาจจะต้องรอให้ลูกมีอายุ 4 ขวบขึ้นไปค่ะ เพื่อความปลอดภัยนั่นเองค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
AUTHOR: MEW
2023, MARCH 12