สุนัขสายพันธุ์เชา เชาอาจเป็นที่คุ้นตาทุกท่านอย่างดีอยู่แล้ว พวกเขาเป็นสุนัขที่สืบเชื้อสายมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าเป็นสุนัขที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับชาวมองโกเลียเลยก็ว่าได้ เนื่องจากลักษณะที่โดดเด่นทำให้พวกเขาถูกนำเข้ามายังประเทศไทยจนกลายเป็นที่รู้จักในที่สุด PetPlease จึงได้รวบรวมข้อมูลสาระที่เต็มไปด้วยประโยชน์มามอบเป็นความรู้ให้กับทุทก่านผ่านบทความในวันนี้ครับ !
บทความวันนี้ขอนำเสนอ
- ประวัติความเป็นมาของเชา เชา
- ลักษณะเฉพาะตัวของเชา เชา
- นิสัยและพฤติกรรมของเชา เชา
- อาหารและโภชนาการที่เหมาะกับเชา เชา
- การดูแลที่เชา เชาต้องการเป็นพิเศษ
- โรคที่พบบ่อยในเชา เชา
- เชา เชาเหมาะกับเจ้าของแบบใด
- คำถามที่พบบ่อย
ประวัติความเป็นมาของเชา เชา
สุนัขพันธุ์เชา เชามีประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน พวกเขาสืบเชื้อสายมาจากประเทศมองโกเลีย ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีย เดิมทีแล้วพวกเขาถูกเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงใช้งานเท่านั้น อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนานของชาวจีนโบราณในช่วง 206 ปีก่อนคริสตศักราชของราชวงศ์ฮั่น กล่าวว่าที่เชา เชามีลักษณะสีของลิ้นที่เป็นสีดำนั่น เหตุเกิดเพราะเลียชิ้นส่วนสำคัญในท้องฟ้าระหว่างที่โลกถูกสร้างมา
สุนัขพันธุ์เชา เชาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายครั้งแรกในช่วงคริสศตวรรษที่ 19 ตอนปลาย ๆ ในยุคของพระราชินีวิคตอเรีย อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชมของพระราชินีจนมีการก่อตั้งสมาคมเชาชานับแต่นั้นเป็นต้นมา ภายหลังได้รับการจดทะเบียนสายพันธุ์ในปีค.ศ. 1903
ลักษณะเฉพาะตัวของเชา เชา
มาถึงลักษณะที่โดดเด่นของเชา เชากันบ้างดีกว่า พวกเขามีโครงสร้างของร่างกายที่เป็นสง่า โดยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม รวมถึงส่วนกระโหลกที่มีขาดเล็ก ใบหูมีรูปทรงสามเหลี่ยมมีลักษณะโค้งมนบริเวณส่วนปลาย รวมถึงดวงตามีกลมโตคล้ายกับเมล็ดอัลมอนด์ แต่มีความลึกของชั้นตาที่มากกว่าสุนัขพันธุ์ปกติ หางของพวกเขาจะมีลักษณะม้วนงอเข้ามา อีกทั้งยังเต็มไปด้วยขนที่นุ่มฟูแทรกอยู่ตั้งแต่บริเวณส่วนกลางหลัง
ขน
เราสามารถแบ่งลักษณะของขนเชา เชา ได้เป็น 2 ลักษณะแบ่งออกเป็นขนเรียบ และขนหยาบ ซึ่งจะมีความโดดเด่นต่างกัน โดยขนที่หนาจะมีแทรกอยู่บริเวณลำคอ ทำให้สง่าคล้าย ๆ กับแผงคอของสิงโตนั่นเองครับ สีของขนก็มีหลากหลาย แบ่งออกเป็น 5 สี ประกอบด้วย สีเทา สีเหลืองประกายทอง สีครีม สีน้ำตาล และสีดำ เป็นต้น
ลิ้น
หลายคนอาจไม่ทราบว่าสุนัขพันธุ์เชา เชามีลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือ สีของลิ้น พวกเขามีลิ้นสีม่วง หรือไม่ก็สีน้ำเงินเทา ซึ่งได้มาจากยีนส์เด่นของโครงสร้างพันธุกรรมนั่นเอง
นิสัย และพฤติกรรมของเชา เชา
ธรรมชาติของสุนัขพันธุ์เชา เชาเป็นสุนัขที่รักความสงบ มีความสันโดษในตัวเองสูง พวกเขามักชอบที่จะอยู่ตามลำพังมากกว่า ดังนั้นการเข้ากับสัตว์อื่น ๆ จึงไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก ภายหลังพวกเขาถูกตกแต่งพันธุกรรมให้มีความเข้ากับสัตว์ และมนุษย์ได้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนด้วยเช่นกัน
ถึงแม้จะเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ แต่พวกเขาก็มีความน่ารักใช่เล่นเลยใช่ไหมล่ะครับ ถึงแม้จะขึ้นชื่อเรื่องการรักความสันโดษ แต่หากเข้าใจความรู้สึกนึกคิดอย่างลึกซึ้งก็ไม่เป็นปัญหาในการเลี้ยงดูแน่นอนครับ รับรองว่าพวกเขาจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อท่านที่กำลังสนใจอย่างแน่นอน
อาหาร และโภชนาการที่เหมาะกับเชา เชา
แน่นอนว่าเราไม่สามารถเพิกเฉยต่อพฤติกรรมการกินของสุนัขที่รักไปได้ โดยพฤติกรรมการกินนั้นจะเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของอาหาร และโภชนาการที่ถูกจัดเตรียมในแต่ละวัน หากร่างกายได้รับแต่อาหารที่เต็มไปด้วยประโยชน์ก็จะส่งให้พฤติกรรมการกินอาหารของสุนัขนั้นดีไปด้วย หลาย ๆ คนอาจคิดว่าไม่สำคัญเท่าไหร่นัก แต่จริง ๆ แล้วปัญหาสุขภาพที่รุนแรงก็เริ่มมาจากสิ่งเล็ก ๆ นี่แหละครับ มาดูกันว่าพวกเขาต้องการสารอาหารประเภทไหน เพื่อทำให้ร่างกายอยู่ในเกณฑ์ที่สมดุลครับ
โปรตีน
สิ่งที่ห้ามพลาด และควรพิจารณาอย่างรอบคอบ คือ โปรตีน สืบเนื่องมาจากโปรตีนคือแหล่งพลังงานสำคัญที่เสริมสร้างให้มวลกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ส่งผลให้ร่างกายได้พัฒนาโครงสร้างอยู่เสมอ โดยเราจำเป็นต้องเลือกโปรตีนที่มีกรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากกรดอะมิโนเป็นหน่วยย่อยที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ตามธรรมชาติครับ
คาร์โบไฮเดรต
มาต่อที่หนึ่งในแหล่งพลังงานที่สำคัญกับคาร์โบไฮเดรต หน้าที่ของคาร์โบไฮเดรตหลัก ๆ เลยคือการลำเลียงสารอาหาร เพื่อส่งต่อให้กับเซล์ต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น เซลล์ประสาท เซลล์เม็ดเลือดแดง และเซลล์หัวใจ เป็นต้นครับ แต่ทั้งนี้เราจำเป็นต้องควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมนะครับ หากมีปริมาณของคาร์โบไฮเดรตมากจนเกินไปจะส่งผลให้เกิดโรคอ้วนตามมาได้นั่นเอง
ไขมัน
แหล่งพลังงานที่มีอนุภาคสูงสุด คือ ไขมัน โดยหน้าที่ของไขมันจะทำหน้าที่ในการส่งเสริมการทำงานที่มีประสิทธิภาพของระบบการดูดซึมวิตามิน และแร่ธาตุของร่างกาย ร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินอี ดี เอ และเคได้เป็นอย่างดี รวมถึงการทำงานเสริมสร้างระบบห่อหุ้มของร่ายกายให้สามารถรับโอเมก้า 3 และ 6 ได้อย่างมีคุณภาพด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้แล้วไขมันยังสามารถให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้อีกด้วยครับ
วิตามิน และแร่ธาตุ
วิตามิน และแร่ธาตุเป็นสิ่งเดียวที่เราไม่จำเป็นต้องให้สุนัขที่รักทานเป็นประจำทุกวัน แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบโครงสร้างของร่างกาย ซึ่งร่างกายจำเป็นต้องได้รับวิตามินบี ฟอสฟอรัส และแคลเซียม แต่ห้ามลืมนะครับว่าเราไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติของระบบโครงสร้างของร่างกายได้นั่นเองครับ
อาหารที่เหมาะกับลูกสุนัขพันธุ์เชา เชา ช่วงอายุ 1 ถึง 3 เดือน
สุนัขที่อยู่ในช่วงอายุ 1 ถึง 3 เดือนจัดว่าเป็นสุนัขเด็ก พวกเขายังไม่มีความต้องการโปรตีนที่สูงเท่าไหร่นัก จึงจำเป็นต้องจัดสรรให้ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนอาหารทั้งหมดในมื้ออาหาร แน่นอนว่าเราไม่สามารถให้อาหารกระป๋องกับพวกเขานะครับ เนื่องจากเปอร์เซ็นต์ของโปรตีนค่อนข้างสูงเกินความจำเป็น และอย่าลืมที่จะเพิ่มคุณประโยชน์จากผัก และธัญพืชให้กับลูกสุนัขอย่าเหมาะสม
อาหารที่เหมาะกับสุนัขพันธุ์เชา เชา ช่วงอายุ 1 ปีขึ้นไป
เมื่อไหร่ก็ตามที่สุนัขเติบโตเข้าสู่ช่วงอายุ 1 ปี เราจึงสามารถปรับเปลี่ยนปริมาณอาหาร และโภชนาการขึ้นตามความต้องการของพวกเขาได้ โดยเราจำเป็นต้องลดปริมาณของอาหารลง และเปลี่ยนแปลงสารอาหารบางอย่าง เช่น การลดสารอาหารประเภทไขมันลง เนื่องจากพวกขาเป็นสุนัขที่ขยับตัวในแต่ละวันค่อนข้างน้อย หากไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ จะส่งผลให้เป็นโรคอ้วนได้นั่นเองครับ
อาหารที่เหมาะกับสุนัขพันธุ์เชา เชา ช่วงอายุ 7 ปีขึ้นไป
สุนัขที่มีอายุ 7 ปีเป็นต้นไป ถูกจัดอยู่ในสุนัขวัยชรา เราจำเป็นต้องเพิ่มสมดุลของโปรตีน และแคลเซียม เนื่องจากสุนัขในวัยนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับกระดูกครับ เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างสารอาหารชนิดโอเมก้า 3 รวมถึงวิตามินบี 3 เป็นต้นครับ
กำลังมองหาอาหาร และขนมที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีของสุนัขที่รักอยู่ใช่ไหมล่ะครับ… ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป เพราะที่นี่ PetPlease ได้รวบรวมอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการของสัตว์เลี้ยงแสนรักแล้วครับ บนเว็บไซต์ของเราจัดจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ และได้รับการยอมรับจากองค์กรต่าง ๆ ที่สามารถทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับแต่สิ่งดี ๆ นึกถึงสัตว์เลี้ยง นึกถึง PetPlease นะครับ !
การดูแลที่เชา เชาต้องการเป็นพิเศษ
สุนัขพันธุ์เชา เชาต้องการการดูแลที่ครอบคลุม เพื่อรักษาสุขภาพให้คงความแข็งแรงเอาไว้ เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีโครงสร้างใหญ่ อีกทั้งยังมีขนค่อนข้างยาว เรามาดูกันดีกว่าว่าพวกเขาต้องการอะไรกันบ้างนะ ?
การดูแลขน
ลักษณะอันโดดเด่นของสุนัขพันธุ์เชา เชา คือ ขนที่นุ่มฟู ดังนั้นการหมั่นดูแลขนอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นเรื่องจำเป็นในการรักษาสุขภาพขนให้มีความแข็งแรง เนื่องจากจะช่วยรักษาให้การทำงานของระบบผิวหนังเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ สามารถป้องกันขนที่หลุดร่วงได้ ขนของสุนัขพันธุ์เชา เชาอาจร่วงได้เป็นประจำในช่วงใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงที่เราต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษครับ
การดูแลสุขภาพช่องปาก และฟัน
แน่นอนล่ะว่าสุขภาพช่องปาก และฟันเป็นปัญหาสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลกใบนี้ รวมถึงสุนัขพันธุ์เชา เชาเช่นเดียวกันครับ นอกจากการดูแลขนแล้วยังต้องหมั่นดูแลสุขภาพช่องปาก และฟันอย่างเป็นประจำเช่นเดียวกัน โดยการแปรงฟันอาทิตย์ละครั้ง ทั้งนี้ยังสามารถทำการเช็ดหู และตัดเล็บควบคู่ไปด้วยครับ สุดท้ายนี้เรายังต้องพาสุนัขแสนรักไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการตรวจสุขภาพประจำปีด้วยเช่นเดียวกันครับ
การออกกำลังกาย
สุนัขพันธุ์เชา เชาเป็นสุนัขที่มีโครงสร้างของร่างกายที่ค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการการเคลื่อนไหวประจำวันที่มากกว่าปกติ อีกทั้งยังเป็นสุนัขที่พัฒนาสายพันธุ์จากสุนัขนักล่า จึงต้องมีการออกกำลังกายถึง 30 นาทีต่อวัน แม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้านแต่ก็ต้องจำเป็นพาพวกเขาไปวิ่งเล่น เพื่อความเพลิดเพลิน และสุขภาพที่แข็งแรง แต่เรื่องสำคัญที่ห้ามละเลย นั่นก็คือ พวกเขามีขนที่ยาว ดังนั้นอุณหภูมิไม่ควรร้อนจนเกินไปครับ
ไม่ยากใช่ไหมล่ะครับ…หากเรารู้ว่าสุนัขแสนรักต้องการอะไร และสามารถตอบโจทย์พวกเขาได้อย่างครบครันจะทำให้สุนัข และผู้เลี้ยงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขปราศจากปัญหาสุขภาพ นอกจากการดูแลที่เราสามารถทำได้แล้วนั้นอุปกรณ์การดูแลก็ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นนะครับ หากเราใช้ของที่ไม่มีคุณภาพก็อาจส่งผลต่อระบบสุขภาพได้เช่นเดียวกัน หากกำลังมองหาแหล่งซื้อสินค้า หรือบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพ โปรดไว้ใจ PetPlease เพราะที่นี่เราคัดแล้วคัดอีก เพื่อสัตว์เลี้ยงผู้เปรียบเสมือนกล่องดวงใจของทุกท่าน !
โรคที่พบบ่อยในสุนัขพันธุ์เชา เชา
PetPlease ได้รวบรวมโรคอันตรายที่มีความเสี่ยงพบได้สูงในสุนัขพันธุ์เชา เชา มีอะไรกันบ้างนะ ? เรามาดูกันเลย!
โรคระบบประสาท
- ความวิตกกังวลต่อการแยกจาก (Separation Anxiety)
อาการวิตกกังวลต่อการแยกจากเป็นพฤติกรรมที่สามารถพบได้บ่อยกับสุนัขที่มาจากการดูแลจากฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัขเพื่อการพาณิชย์ สุนัขที่มีอาการวิตกกังวลต่อการแยกจากมักมีอาการหัวรุนแรง โดยจะเริ่มตั้งแต่การทำลายเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง ขับถ่ายไม่เป็นที่ ส่งเสียงดังตลอดทั้งวัน สำหรับวิธีการแก้ปัญหานั้นควรเริ่มจากการสร้างความมั่นใจในที่อยู่อาศัยเป็นอันดับแรก เนื่องจากการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ อาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่คงที่ ซึ่งเราสามารถเสริมสร้างอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมทักษะให้กับพวกเขาได้ ในทางกลับกันก็ควรทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจว่าจะไม่ต้องอยู่อย่างเดียวดาย
โรคระบบทางเดินอาหาร และตับ
- กระเพาะอาหารบิดหมุน (Gastric Torsion)
มาถึงโรคยอดฮิตสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่อย่างโรคกระเพาะอาหารบิดหมุน เรียกได้ว่ามีความเสี่ยงที่จะสามารถพบได้อยู่บ่อย ๆ เลยทีเดียว สุนัขที่มีอาการกระเพาะอาหารบิดหมุนจะไม่สามารถหายใจได้อย่างปกติ เนื่องจากเลือดไม่ไหลเวียน และไปสะสมอยู่บริเวณหลัง ส่งผลให้หัวใจไม่สามารถทำหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดได้อย่างเต็มที่ หากพบสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับสุนัขที่รัก ควรรีบนำไปพบสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาในลำดับถัดไป
โรคระบบกระดูกเอ็น และข้อ
- โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip Dysplasia)
โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบการเจริญเติบโตของร่างกายที่ส่งผลให้โครงสร้างอวัยวะมีลักษณะที่ผิดแปลกไป ทำให้กระดูกต้นขาไม่สามารถเชื่อมต่อกับเบ้าสะโพกได้อย่างลงล็อค ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของร่างกายผิดปกติไปด้วย โดยสาเหตุของโรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติเกิดได้อย่างหลากหลาย อาทิ การเสริมสร้างแคลเซียมที่มากเกินไป รวมถึงน้ำหนักที่มากกว่าเกณฑ์อีกด้วย เราสามารถทำการรักษาได้หลายวิธี เช่น ผ่าตัด การใช้ยารักษา และการกายภาพบำบัด เป็นต้น
โรคตา
- โรคเปลือกตาม้วนเข้าข้างใน (Entropion Eyelids)
โดยส่วนใหญ่เราสามารถพบสุนัขที่เป็นโรคเปลือกตาม้วนเข้าได้บ่อย ๆ ในสุนัขพันธุ์หน้าสั้น ซึ่งเรามีโอกาสถูกค้นพบได้ตั้งแต่สุนัขเด็ก จนถึงวัยชราเลยทีเดียว เนื่องจากสุนัขที่มีหน้าสั้นจะมีเนื้อที่ของผิวหนังมากกว่าสุนัขพันธ์ปกติ และแน่นอนว่าขนตาพวกเขาจะมีความแน่นหนาด้วยเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ลูกตาได้รับผลกระทบจากสิ่งสกปรกจนให้มีอาการระคายเคือง ตาแดง น้ำตาไหลเยอะ หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาในลำดับถัดไป
เชา เชาเหมาะกับเจ้าของแบบใด
ผู้ที่มีเวลามากพอ
การดูแลสุนัขพันธุ์เชา เชานั้นจำเป็นต้องอาศัยการดูแลอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพขนที่ต้องใช้ความเอาแต่ใจ และความสม่ำเสมอ มากไปกว่านั้นต้องรักษาสุขภาพร่างกาย โดยการออกกำลังกายเป็นประจำอีกด้วย หากเป็นผู้มีเวลามาพอจะสามารถมีความสุขในการเลี้ยงดูเปรียบเสมือนเพื่อนรู้ใจเลยทีเดียว
หวังว่าทุกท่านจะได้รับสารประโยชน์จากบทความที่ทางเราตั้งใจรวบรวมมาให้ผ่านบทความในวันนี้นะครับ หากได้รู้จักสุนัขพันธุ์เชา เชามากขึ้นแล้ว รับรองว่าจะต้องตกหลุมรักพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อไหร่ที่รัก เราก็จะทะนุถนอมพวกเขาด้วยหัวใจที่ปรารถนาให้พวกเขาได้พบเจอแต่สิ่งที่ดี PetPlease เชื่อว่าสุนัขพันธุ์เชา เชาก็จะกลายเป็นเพื่อนคอยเคียงข้างทุกท่านอย่างแน่นอนครับ !
คำถามที่พบบ่อย
Q: สุนัขสายพันธุ์เชา เชา สามารถอยู่เพียงลำพังได้ไหม ?
A: ได้ เนื่องจากเชาเชาเป็นสุนัขที่รักสันโดษ ดังนั้นการการอยู่ลำพังตัวเดียวจึงไม่ใช่ปัญหา
Q: สุนัขสายพันธุ์เชา เชามีอายุขัยโดยเฉลี่ยประมาณกี่ปี ?
A: พวกเขาสามารถมีอายุได้ประมาณ 8 -12 ปี โดยเฉลี่ยครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- สุนัขเชาเชา (ขนหยาบ)
- สุนัขสายพันธุ์เชาเชา อาหาร วิธีเลี้ยง [พร้อมราคา]
- เชาเชา (Chow Chow) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
- สุนัขสายพันธุ์เชา เชา (Chow Chow)
- ภาวะเครียดจากการอยู่ลำพัง(SEPARATION ANXIETY)
AUTHOR: Arthurchiii
2023, MARCH 14