No products in the cart.

อาหารเปียก

แบรนด์
Select some options
Stores
More
ราคา
Price (Filter) - slider
Price (Filter) - inputs
THB
THB
แบรนด์
Stores
เพิ่มเติม
ราคา
Price (Filter) - slider
Price (Filter) - inputs
THB
THB
32 of 67 Results
Sort by
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
เลือกรูปแบบ This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
ใหม่
เลือกรูปแบบ This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
ใหม่
ใหม่
เลือกรูปแบบ This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
ใหม่
ใหม่
ใหม่

อาหารเปียกแมว

อาหารเปียกแมว เป็นที่ชื่นชอบของแมวมากกว่าอาหารเม็ดทั่วไป เพราะอาหารเปียกมีเนื้อสัมผัสที่ดี กลิ่นหอมและรสชาติที่ดีกว่าอาหารเม็ด นอกจากนี้อาหารเปียกมีน้ำเป็นส่วนประกอบ 80% จึงเหมาะสำหรับแมวที่ไม่ชอบดื่มน้ำ เพราะเป็นการช่วยเติมน้ำเข้าสู่ร่างกายได้อีกทางหนึ่ง

 

วันนี้ PetPlease จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารเเปียกแมวที่เจ้าของควรจะรู้ มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง?

 

1.อาหารเปียกแมว
อาหารเปียกแมว มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับอาหารปรุงเอง คือมีลักษณะเป็นน้ำและเนื้อนุ่ม โดยส่วนใหญ่มักประกอบไปด้วยเนื้อปลาหรืออาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอยผสมในเจลลี่ ซึ่งอาหารชนิดนี้มีทั้งแบบซองและแบบกระป๋อง แถมยังมีคุณค่าและสารอาหารครบตามที่น้องแมวต้องการอีกด้วย มีประโยชน์ไม่แพ้อาหารเม็ดปกติเลยค่ะ!

 

2.สารอาหารที่จำเป็นสำหรับแมว
แมวก็ต้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นคล้าย ๆ กับคนเรา แต่ควรให้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป ซึ่งอาหารที่จำเป็นสำหรับแมวในแต่ละวัย มีดังนี้

  • ลูกแมว (แรกเกิด-1 เดือน)
    สำหรับลูกแมว จำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีคุณภาพ มีสารอาหารครบถ้วน เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการเจริญเติบโต สารอาหารที่ลูกแมวจำเป็นต้องได้รับ คือ โปรตีน ที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและให้พลังงาน แคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่จะช่วยพัฒนากระดูกและข้อต่อของแมว สำคัญมากในช่วง 4 เดือนแรก ดีเอชเอ เสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและการมองเห็นของลูกแมว เป็นต้น
  • แมวโตเต็มวัย ( 1 – 7 ปี )
    สำหรับน้องแมวโตเต็มวัย ห้ามให้อาหารลูกแมวกับน้องเด็ดขาด เพราะจะถือว่าเป็นการทำร้ายน้องโดยตรง เนื่องจากได้รับสารอาหารที่ไม่จำเป็นมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพได้ สารอาหารที่แมวต้องการในช่วงวัยนี้ ยังเน้นไปที่โปรตีนเป็นหลัก นอกนั้นจะมีไขมัน คาร์โบไฮเดรต และกลุ่มวิตามิน แร่ธาตุ กรดไขมัน และกรดอะมิโนจำเป็นต่าง ๆ
  • แมวสูงอายุ (7 ปีขึ้นไป)
    เมื่อแมวเข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย น้องแมวจะมีพฤติกรรมที่ต่างออกไป เช่น เชื่องช้าลง เบื่ออาหาร น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ ขนร่วง มีปัญหาระบบขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากความเสื่อมของร่างกายตามอายุ ดังนั้นสารอาหารที่แมวสูงอายุต้องการ มีดังนี้

โปรตีน แมวสูงวัยควรได้รับโปรตีนเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ และเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ไฟเบอร์ ช่วยลดปัญหาท้องผูก และปัญหาก้อนขนในแมวได้ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง และช่วยชะลอปัญหาข้อเสื่อม
วิตามิน กรดไขมัน และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกายทุกระบบ

 

3.ข้อดีของอาหารเปียก

  • เพิ่มความอยากอาหารของแมว
    โดยปกติแล้วอาหารหลักของน้องแมวที่ทาสให้กินมักจะเป็น “อาหารเม็ด” แต่การให้กินอาหารแบบเดิมบ่อย ๆ ก็ทำให้น้องแมวเกิดอาการเบื่อได้ อาหารเปียกเป็นอาหารที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาการเบื่ออาหารโดยเฉพาะ อาหารเปียกมีกลิ่นที่หอมชวนดึงดูดน้องแมว มีเนื้อสัมผัสที่ดีคล้ายกับกินเนื้อสัตว์จริง ๆ น้องแมวของใครกำลังเบื่ออาหารเม็ด ก็ลองซื้ออาหารเปียกให้น้องดูสิคะ
  • ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในร่างกาย
    โดยธรรมชาติแล้วแมวเป็นสัตว์ที่กินน้ำน้อย ถ้าเราให้อาหารเม็ดตลอด ปริมาณน้ำที่น้องแมวได้รับอาจไม่เพียงพอได้ เพราะในอาหารเม็ดแทบไม่มีน้ำเป็นส่วนประกอบเลยล่ะค่ะ การให้อาหารเปียกกับน้องแมว ก็เหมือนการเพิ่มน้ำในร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดความเสีย่งการเกิดโรคนิ่วและโรคไตของแมวได้อีกด้วย
  • มีหลายรสให้เลือก เหมาะกับแมวขี้เบื่อ
    อาหารเปียกแมวมีหลากหลายรสชาติให้เลือก ซึ่งเหมาะกับน้องแมวที่ขี้เบื่อมาก ๆ นอกจากจะมีรสชาติที่หลากหลายแล้ว ในแต่ละสูตรยังมีส่วนผสมที่ช่วยให้น้องแมวได้เจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรงอีกด้วย

 

4.ข้อควรระวังในการให้อาหารเปียกแมว
ถึงแม้ว่าอาหารเปียกแมวจะเป็นอาหารหลักเหมือนกับอาหารเม็ด สามารถให้น้องแมวของเรากินอาหารเปียกทุกวันได้ แต่ก็มีข้อควรระวังในการให้อาหารเปียกแมวอยู่ค่ะ ซึ่งสิ่งที่ควรระวังมีดังนี้
อุจจาระเหลว

  • ปริมาณน้ำในอาหารเหลว นอกจากจะส่งผลดีแล้วยังสามารถส่งผลเสียได้เช่นกัน หากได้รับในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจทำให้แมวถ่ายเหลวได้อีกด้วย ดังนั้นควรให้ในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการ
  • ปัญหาสุขภาพฟัน อาหารเปียกไม่มีคุณสมบัติในการช่วยขจัดคราบหินปูนในฟันของแมวเหมือนอาหารเม็ด หากให้เพียงแต่อาหารเปียกก็อาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพฟันได้ในระยะยาวได้ เพราะอาหารเปียกทำให้หินปูนเพิ่มขึ้นมามากกว่าปกติ วิธีแก้คือ การแปรงฟันให้กับน้องแมวนั่นเองค่ะ
  • ท้องอืดและท้องเสีย อาหารเปียกแมว ไม่สามารถตั้งทิ้งไว้ได้นาน ๆ เหมือนกับอาหารแห้ง เพราะแบคทีเรียสามารถเติบดตในอาหารเปียกได้ ดังนั้นหากตั้งทิ้งไว้เป็นเวลานาน แล้วน้องแมวของเราไปกินเข้าอาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสียและท้องอืดตามมาได้ค่ะ

 

5.วิธีการเลือกซื้ออาหารเปียกแมว
เนื่องจากในปัจจุบัน อาหารเปียกแมวมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก ซึ่งจะเลือกยังไงให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดี วันนี้ PetPlease ขอแนะนำวิธีการเลือกอาหารเปียกแมวให้ทุกคน รับรองว่าต้องได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีแน่นอน!

  • เลือกให้เหมาะกับวัย
    ในแต่ละช่วงวัย แมวก็ต้องการสารอาหารและปริมาณที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทาสอย่างเราก็ต้องเลือกอาหารที่เหมาะในแต่ละช่วงวัย เช่น
    – ลูกแมว ควรเลือกอาหารที่สร้างกล้ามเนื้อ กระดูก ภูมิคุ้มกัน และสมอง ทั้งโปรตีน แคลเซียมต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายของลูกแมวเติบโตอย่างเต็มที่
    – แมวโตเต็มวัย ควรเลือกอาหารที่มีกากใยสูง แต่ไขมันต่ำ เพื่อช่วยระบบขับถ่ายและไม่ทำให้อ้วน
    – แมวสูงวัย ควรเลือกอาหารที่เน้นโปรตีนแบบย่อยง่าย คาร์โบไฮเดรตต่ำ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติเค็ม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคไต
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้
    เนื่องจากในปัจจุบันอาหารแมว มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อมาก ๆ เราต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเชื่อถือได้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ จาก ฉลากของผลิตภัณฑ์ เช่น มีเลขทะเบียนอาหารสัตว์ไหม มีส่วนประกอบอะไรบ้าง หมดอายุวันไหน เป็นต้น
  • เลือกให้เหมาะกับความต้องการ
    การเลือกอาหาร เราก็ต้องเลือกอาหารให้เหมาะกับความต้องการของน้องแมว เช่น ถ้าหากแมวมีปัญหาขนร่วง ให้เลือกอาหารเปียกแมวที่ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เป็นต้น

 

6.คำถามที่พบบ่อย
Q: อาหารเปียกลูกแมว กินตอนไหน
A: อายุ 3-4 สัปดาห์ขึ้นไป ถึงจะเริ่มให้อาหารเปียกสำเร็จรูปกับน้องแมวได้ค่ะ เนื่องจากลูกแมวจะมีกระเพาะที่เล็ก ดังนั้นให้จึงควรแบ่งอาหารออกเป็นหลาย ๆ มื้อต่อวัน

Q: อาหารเปียกแมว ควรให้วันละกี่ครั้ง?
A: แมวที่โตเต็มวัยแล้ว สามารถให้อาหารตามที่พวกเขาต้องการ หรืออาจให้อาหารแบบเดียวกับตอนที่พวกเขาเป็นลูกแมวก็ได้ แต่อย่าปล่อยอาหารไว้ในชามจนเน่าเสีย ควรให้อาหารเปียกตามสัดส่วน 4 – 5 ครั้งต่อวัน และวางภาชนะใส่น้ำให้ง่ายต่อการเข้าถึงด้วย เพราะหากแมวดื่มน้ำน้อยก็อาจมีปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน

 

Q: อาหารเปียกแมว กับขนมแมวเลียต่างกันหรือไม่?
A: แตกต่างกัน เนื่องจากขนมแมวเลียจะใช้เพื่อฝึกฝนน้องแมว หรือให้เป็นรางวัลน้องแมว มีส่วนประกอบคล้ายกับอาหารเปียก แต่หากให้เป็นประจำทุกวันอาจส่งผลให้น้องแมวเบื่ออาหารได้ง่าย และทำให้ค่าไตพุ่งสูง ซึ่งผลเสียต่อสุขภาพ ทาสแมวควรจำกัดปริมาณในการให้ขนมแมวเลียไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 1-2 ซองเท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับอาหารเปียกที่สามารถให้ได้เป็นประจำทุกวันเพื่อสุขภาพที่ดีของน้องแมว

 

สำหรับเจ้าของคนไหนที่กำลังประสบปัญหาน้องหมาเบื่ออาหาร แต่ไม่รู้ว่าจะซื้ออาหารแบบไหนให้น้องหมาดี PetPlease ได้รวบรวมผลิตภัณฑ์อาหารมาไว้ให้ทุกคนที่นี่แล้ว (PetPlease) สั่งซื้อได้เลย!