วิเชียรมาศ-มาทำความรู้จักกับแมวพันธุ์นี้ เจ้าเหมียวนำโชคของไทยกัน!

แชร์ :

เจ้าวิเชียรมาศ แมวสายพันธุ์ไทย วันนี้ PetPlease จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับน้องแมวสายพันธุ์ไทยอย่างเจ้าวิเชียรมาศกันค่ะ หลาย ๆ คนที่เป็นแฟนคลับเตนล์ NCT หรือ WayV คงเคยเห็นหน้าค่าตาของเจ้าแมวพันธุ์นี้กันมาบ้างแล้ว เพราะเจ้าลูอิสก็เป็นแมวพันธุ์วิเชียรมาศเหมือกันค่ะ จะมีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับเจ้าแมวพันธุ์นี้บ้าง มาดูกันดีกว่า!

บทความนี้ขอนำเสนอ

ประวัติและความเป็นมาของวิเชียรมาศ
ลักษณะเฉพาะตัวของวิเชียรมาศ
นิสัยและพฤติกรรมสุดน่ารักของเจ้าวิเชียรมาศ
อาหารและโภชนาการสำหรับวิเชียรมาศ
เรื่องที่วิเชียรมาศต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
โรคที่พบบ่อยในวิเชียรมาศ
เจ้าของแบบไหนที่เหมาะกับการเลี้ยงวิเชียรมาศ
คำถามที่พบบ่อย

ประวัติและความเป็นมาของวิเชียรมาศ

เห็นอย่างนี้เจ้าแมววิเชียรมาศมีประวัติยาวนานมากเลยนะคะ อย่างที่ทุกคนรู้กันเลยค่ะว่าวิเชียรมาศมีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย แถมยังเป็นสายพันธุ์แมวที่เก่าแก่ที่สุดในไทยเลยนะ! โดยเจ้าแมวตัวนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในสมุดข่อยโบราณ ซึ่งคนในสมัยก่อนเขามีความเชื่อว่าแมวที่ถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณ สามัญชนจะไม่สามารถเลี้ยงได้ ยกเว้นคนที่เป็นชนชั้นสูงหรือมีเชื้อราชวงศ์ นอกจากนี้คนสมัยก่อนยังมีความเชื่ออีกด้วยว่า เจ้าวิเชียรมาศเป็นแมวนำโชค ช่วยเรียกเงินทองให้กับเจ้าของ แถมยังเชื่อว่าจะทำให้เจ้าของไม่เจ็บป่วยอีกด้วยนะคะ

เจ้าแมววิเชียรมาศได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในปี พ.ศ. 2427 เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในหลวงรัชกาลที่ 5) ได้ทรงพระราชทานลูกแมววิเชียรมาศให้เป็นของขวัญแก่ทูตชาวอังกฤษ เขาก็เลี้ยงดูเจ้าแมววิเชียรมาศอย่างดี จนต่อมาเขาก็ได้ส่งแมววิเชียรมาศไปประกวดเวที The Crystal Palace London ที่ถูกจัดขึ้นที่พระราชวังคริสตัล ในประเทศอังกฤษ ซึ่งเจ้าแมววิเชียรมาศก็ได้รับรางวัลมา จนทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ

ลักษณะเฉพาะตัวของวิเชียรมาศ

ลักษณะทั่ว ๆ ไปของเจ้าวิเชียรมาศ ก็คือ น้องเป็นแมวขนาดกลางตัวไม่เล็กเกินไปและไม่ใหญ่เกินไป ตาเป็นรูปทรงคล้ายอัลมอนด์ คอและตัวยาว ขาเรียว เล็ก หางยาวคล้ายกับหางเสือ แมววิเชียรมาศเพศผู้จะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 4 -6 กิโลกรัม และส่วนสูงประมาณ 29 – 31 เซนติเมตร และเพศเมียมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.5 – 4.5 กิโลกรัม และมีส่วนสูงอยู่ที่ประมาณ 27 -31 เซนติเมตร และเจ้าวิเชียรมาศมีอายุขัยประมาณ 15 -20 ปี ถือว่าเป็นแมวที่อายุยืนมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ใครกำลังมองหาน้องแมวที่อยู่กับเราไปได้นาน ๆ ก็ต้องเลี้ยงเจ้าวิเชียรมาศแล้วล่ะค่ะ

มาดูลักษณะเฉพาะตัวของเจ้าวิเชียรมาศกันบ้างดีกว่า! ทุกคนคงเห็นลักษณะเด่นชัดของเจ้าตัวนี้กันอยู่แล้ว ซึ่งก็คือ จุดสีน้ำตาลที่อยู่ตามตัวของเจ้าวิเชียรมาศนั่นเอง ซึ่งมีอยู่ตามตัวถึง 9 จุดเลยน้า ก็คือ ที่ปลายเท้า 4 ข้าง ปลายหู 2 ข้าง ปลายหาง บนจมูก และที่อวัยวะเพศ แต่ตอนน้องแมวเด็ก ๆ จุดตามตัวก็จะยังไม่ใหญ่มาก แต่จุดจะขยายใหญ่ขึ้นตามอายุจนทำให้ตัวของน้องมีสีน้ำตาลเกือบทั้งตัวค่ะ และอีกอย่างหนึ่งที่เด่นมาก ๆ ก็คือ สีตาสีฟ้าของน้องนั่นเอง~

นิสัยและพฤติกรรมสุดน่ารักของเจ้าวิเชียรมาศ

วิเชียรมาศเป็นแมวที่ขึ้นชื่อว่านิสัยเหมือนกับสุนัขค่ะ เพราะพวกมันเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ฉลาด และช่างพูดมาก ๆ ไม่ต่างกับน้องหมาเลยค่ะ และอีกอย่างที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้ก็คือ เจ้าแมววิเชียรมาศชอบวิ่งคาบของเล่นเหมือนกับสุนัขพันธุ์รีทรีฟเวอร์เลยล่ะค่ะ เห็นเจ้าแมววิเชียรมาศน่ารักสดใสขนาดนี้ แต่ถ้าทุกคนปล่อยน้องทิ้งไว้คนเดียวล่ะก็… พวกมันจะหาวิธีเล่นคนเดียว ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมาอย่างยิ่งใหญ่แน่ ๆ ค่ะ ฉะนั้นอย่าปล่อยน้องไว้คนเดียวนานเกินไปนะ ไม่งั้นเกิดเรื่องแน่!

อาหารและโภชนาการสำหรับวิเชียรมาศ

มาต่อกันที่เรื่องของอาหารและโภชนาการสำหรับเจ้าเหมียวพันธุ์นี้กันบ้าง ถึงแม้จะเป็นแมวเหมือนกัน แต่โภชนาการและสารอาหารที่ต้องการจะต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์และอายุเลยค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าจะเจ้าวิเชียรมาศต้องการสารอาหารอะไรบ้าง แล้วต้องการเยอะแค่ไหนกันนะ!?

แมววัยเด็ก

มาเริ่มกันตั้งแต่วัยเด็กของเจ้าวิเชียรมาศกันเลยค่ะ ในวัยนี้เจ้าวิเชียรมาศจะต้องการสารอาหารที่มีโปรตีนและไขมันเยอะมาก ๆ เพื่อที่จะได้นำสารอาหารที่ได้รับมาช่วยในการเจริญเติบโต และในอาหารควรจะมีแคลเซียมหรือวิตามินอยู่ในอาหารด้วย แต่สำหรับใครที่ยังเลือกอาหารไม่เป็น ให้เลือกอาหารที่เป็นสูตรแมวเด็กได้เลยค่ะ รับรองว่าสารอาหารครบถ้วนแน่นอน!

แมวโตเต็มวัย

มาถึงในช่วงโตเต็มวัยกันบ้าง เจ้าวิเชียรมาศที่อยู่ในวัยนี้จะต้องได้รับสารอาหารที่สมดุล ซึ่งสารอาหารที่วิเชียรมาศต้องได้รับ คือ โปรตีน 25% ไขมัน 40% และต้องห้ามขาดไฟเบอร์ วิตามินและแร่ธาตุเด็ดขาด ไม่งั้นจะทำให้ร่างกายของน้องแมวไม่แข็งแรงได้ค่ะ

แมวสูงวัย

สำหรับแมวสูงวัย ในวัยนี้แมวจะเริ่มเคลื่อนไหวตัวน้อยลง ทำให้ปริมาณสารอาหารที่ได้รับก็ต้องน้อยลงตามไปด้วยค่ะ สำหรับแมววัยนี้ต้องระวังในเรื่องของการให้อาหารมาก ๆ เพราะถ้าให้เยอะไปจะทำให้เกิดโรคอ้วนตามมาได้ง่ายมาก ๆ เพราะแมววัยนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายนั่นเองค่ะ สารอาหารที่แมววัยนี้ห้ามขาดก็คือ พวกสารต้านอนุมูลอิสระ เพราะสารตัวนี้จะช่วยชะลอวัย และยังช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับข้ออีกด้วยนะคะ!

เรื่องที่วิเชียรมาศต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

แมวแต่ละตัวจะมีนิสัยที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเรื่องการดูแลที่ต้องการก็จะแตกต่างกันออกไปด้วยเหมือนกันค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าเจ้าแมวอย่างวิเชียรมาศ ต้องดูแลเรื่องอะไรเป็นพิเศษกันนะ!?

อาหารและโภชนาการ

โดยปกติแล้วแมววิเชียรมาศเป็นสัตว์ที่กินเนื้อ ดังนั้นอาหารที่เราจะให้วิเชียรมาศ จะต้องมีสารอาหารที่ครบถ้วน และเรายังควรให้อาหารวันละ 2 มื้อ และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ น้ำสะอาดนั่นเองค่ะ เราควรตั้งน้ำดื่มสะอาดไว้ข้าง ๆ ชามอาหาร เพื่อที่จะให้น้องแมวดื่มน้ำทันทีหลังกินอาหารเสร็จ

ดูแลความสะอาดของกระบะทราย

อย่างที่ทุกคนรู้กันค่ะว่าแมวเป็นสัตว์ที่รักสะอาด เจ้าวิเชียรมาศก็ด้วยเช่นกัน เราต้องดูแลรักษาความสะอาดของกระบะทรายอยู่เสมอ ต้องเปลี่ยนทรายแมวเป็นประจำ เพราะถ้าหากสกปรกน้องแมวจะไม่เข้ามาใช้กระบะทราย และทำให้ขับถ่ายเรี่ยราดไปทั่วบ้านได้ค่ะ ต้องระวังเรื่องนี้มาก ๆ เลย!

ไปพบสัตวแพทย์บ่อย ๆ

ในปีแรก ๆ เราควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์บ่อย ๆ เพื่อรับวัคซีนที่ต้องฉีดนั่นเองค่ะ การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับน้องแมวมาก ๆ ถ้าอยากให้น้องแมวอยู่กับเราไปนาน ๆ ต้องพาน้องไปฉีดนะคะ สำหรับที่ยังไม่รู้ว่าน้องแมวต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ (ไขข้อสงสัย! แมวต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง คำตอบอยู่ที่นี่แล้ว!)

โรคที่พบบ่อยในวิเชียรมาศ

มาดูโรคที่พบในน้องแมวสายพันธุ์วิเชียรมาศบ่อย ๆ กันบ้าง จะมีโรคอะไร อาการเป็นยังไง แล้วป้องกันได้ไหม มาดูกัน!

โรคหัวใจ (Mitral Stenosis)

โรคหัวใจเป็นโรคที่พบบ่อยได้ในแมว ซึ่งอาการของโรคหัวใจที่พบได้บ่อย ๆ คือ เป็นลม หายใจลำบาก มีอาการไอ มีน้ำในช่องท้อง บวม การเจริญเติบโตแคระแกรน กระอักเลือด เป็นต้น โดยสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจในน้องแมวก็มีหลากหลายสาเหตุมากค่ะ โดยสาเหตุส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับชนิดของลิ้นหัวใจตีบ ยกตัวอย่างเช่น ภาวะลิ้นหัวใจไตรคัสปิดตีบ ส่วนใหญ่อาการของภาวะนี้จะติดตัวมาตั้งแต่เกิดเลยค่ะ และอาจมาจากมะเร็งหัวใจและการติดเชื้อแบคทีเรียที่กล้ามเนื้อหัวใจก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้อาการทั้งสองอย่างมักจะได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่น้องแมวอายุยังน้อย ๆ ถ้าหากว่าน้องแมวบ้านไหนมีอาการที่เรากล่าวไปในตอนต้น ให้รีบนำตัวน้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยต่อไปจะดีมาก ๆ ค่ะ

ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคที่ดูแล้วค่อนข้างร้ายแรงแต่ก็สามารถรักษาได้นะคะ วิธีการรักษาก็มีหลายวิธีเลย ไม่ว่าจะเป็นการทานยาหรือการผ่าตัด แต่ค่าใช้จ่ายก็จะสูงนิดหน่อยค่ะ ถ้าใครพอมีงบประมาณก็ลองเลือกวิธีการรักษาดูนะคะ น้องจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ นั่นเองค่ะ!

เหงือกและช่องปากอักเสบ (Gingivostomatitis)

มาต่อกันที่โรคทางทันตกรรมกันบ้าง โรคเหงือกและช่องปากอักเสบเป็นอีกโรคที่หลาย ๆ คนมักมองข้ามไป ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ในช่องปากแต่หากน้องแมวของเราเป็นหนักมาก ๆ ก็สามารถทำให้ร่างกายน้องแมวทรุดโทรมได้เลยนะ!

โดยสาเหตุของการเกิดโรคเหงือกและช่องปากอักเสบส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมวค่ะ และอาการของโรคนี้ที่พบเห็นได้โดยทั่ว ๆ ไป ก็คือ อาการปวดในช่องปากอย่างรุนแรง เหงือกบวมเป็นแผลและมีเลือดออก ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด มีกลิ่นปาก เป็นต้น แต่อาการที่พบจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของน้องแมวค่ะ แมวบางตัวถ้าเป็นหนักมาก ๆ แต่ไม่ได้รับการรักษาก็จะทำให้น้องแมวอดอาหารจนตายได้ค่ะ

วิธีการรักษาโรคนี้ขึ้นอยู่กับอาการว่ารุนแรงแค่ไหนค่ะ ส่วนใหญ่วิธีการรักษาโรคนี้จะใช้ยาเพื่อยับยั้งระบบภูมิคุ้มกันและควบคุมการแพร่กระจายของแบคทีเรียในปากของสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ หรืออาจจะรักษาโดยวิธีการผ่าตัด ซึ่งมีแนวโน้มที่จะต้องถอนฟันของแมวทั้งหมด ส่วนวิธีการป้องกันโรคนี้ ไม่มีค่ะ แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือการแปรงฟันเพื่อรักษาความสะอาดในช่องปากของน้องแมวค่ะ

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในแมว หากยิ่งพบไว จะยิ่งรักษาหายได้ไวขึ้นค่ะ ส่วนมากสาเหตุของการเกิดโรคนี้จะมาจากการที่น้องแมวติดเชื้อไวรัสลิวคีเมีย และไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว จนทำให้เป็น “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” นั่นเอง

ซึ่งอาการของน้องแมวที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วนใหญ่คือ แมวจะแสดงอาการซึม ไม่กินอาหาร หายใจหอบและบางรายอาจจะมีน้ำท่วมในช่องปอดได้ เป็นต้น นอกจากนี้การรักษาก็คือ การใช้ยาทางเคมีบำบัด ซึ่งนาจะออกฤทธิ์ได้ดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพของน้องแมวนั่นเองค่ะ

นิ่ว ชนิด Calcium Oxalate และ Urate

มาต่อกันที่นิ่วในน้องแมวกันบ้าง นิ่วในแมวนั้นมีหลายชนิดมาก ๆ ค่ะ แต่สำหรับน้องแมวนิ่วที่พบส่วนใหญ่จะเป็นชนิด Calcium Oxalate และ Urate ค่ะ

สำหรับนิ่วชนิด Calcium Oxalate ส่วนใหญ่นิ่วชนิดนี้มักเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น การทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น กล้วย กุ้ง บล็อคโคลี ส้ม เป็นต้น หรืออาจจะเกิดจากความผิดปกติของเมตาบอลิซึมในร่างกาย และอาจจะมีสาเหตุมาจากโรคอื่น ๆ ด้วยก็ได้เช่นกันค่ะ การป้องกันนิ่วชนิดนี้ สามารถทำได้แค่หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลเซียมสูงเท่านั้นค่ะ

มาต่อกันที่นิ่วชนิด Urate กันบ้างดีกว่า นิ่วชนิดนี้สามารถพบได้ในไตและในท่อที่เชื่อมระหว่างไตกับกระเพาะปัสสาวะค่ะ ถึงแม้ว่านิ่วชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นในแมวสายพันธุ์ในหรือเพศไหนก็ได้ แต่อาการเหล่านี้สามารถพบในแมวเพศผู้มากกว่าเพศเมียค่ะ โดยปกติแมวที่เป็นนิ่วชนิดนี้จะไม่แสดงอาการ แต่ในแมวที่แสดงอาการนั้น อาการที่พบบ่อย ๆ คือ ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะมีเลือดปน เป็นต้น ถ้าน้องแมวบ้านไหนมีอาการปัสสาวะติดขัดให้รีบนำไปพบสัตวแพทย์เพื่อที่จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีค่ะ

หอบหืด (Feline asthma)

โรคหอบหืดเป็นโรคที่อันตรายมาก ๆ สำหรับแมวค่ะ ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคนี้มักเกิดจากการที่น้องแมวมีความเครียดหรือได้รับสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้เข้าไปค่ะ ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นบุหรี่ เชื้อรา ฝุ่นจากทรายแมว หญ้า และอาหารบางชนิด เป็นต้น โดยอาการของโรคนี้จะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันออกไปตามความรุนแรงของโรค สำหรับแมวบางตัวอาจจะมีอาการเป็นครั้งเป็นคราว สามารถหายเองได้ แต่สำหรับแมวบางตัวก็จะมีอาการที่รุนแรงมากจนสามารถส่งผลถึงชีวิตได้เลยค่ะ ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีการตรวจสอบภูมิแพ้ของแมวได้แล้ว ใครมีพอมีงบลองพาน้องแมวไปตรวจดูนะคะ จะได้หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และน้องแมวจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ นั่นเองค่ะ

เจ้าของแบบไหนที่เหมาะกับการเลี้ยงวิเชียรมาศ

แมวก็เหมือนกับคนแหละค่ะ ถึงแม้จะเป็นแมวเหมือนกันแต่ถ้าเป็นคนละสายพันธุ์น้องแมวก็จะมีนิสัยแตกต่างกันออกไป สำหรับเจ้าวิเชียรมาศก็เช่นกัน แล้วเจ้าของแบบไหนที่เหมาะจะเลี้ยงเจ้าวิเชียรมาศกันนะ มาดูกัน!

เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงสัตว์

อย่างที่บอกไปในตอนแรกค่ะ ว่าเจ้าวิเชียรมาศเป็นแมวที่ค่อนข้างเลี้ยงง่าย ขี้อ้อน น่ารัก ฉลาด แถมยังพูดเก่งมาก ๆ อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงง่าย ๆ แนะนำน้องแมวสุดน่ารักอย่างเจ้าวิเชียรมาศเลยค่ะ!

เหมาะสำหรับเจ้าของที่มีเวลา

ถึงแม้ว่าเจ้าแมววิเชียรมาศจะเป็นแมวที่ร่าเริง แต่เราก็ไม่ควรปล่อยให้น้องแมวอยู่ตามลำพังเป็นเวลานานเกินกว่า 2-3 ชั่วโมง เพราะจะทำให้น้องแมวรู้สึกวิตกกังวลและเครียดได้ ดังนั้นเจ้าแมววิเชียรมาศจึงเหมาะกับเจ้าของที่มีเวลาดูแลและมีเวลาเล่นกับน้องมากกว่าคนที่ไม่มีเวลาค่ะ

จบกันไปแล้วนะคะ กับเรื่องราวน่ารู้ของเจ้าวิเชียรมาศ PetPlease หวังว่าทุก ๆ คนจะหลงรักเจ้าแมววิเชียรมาศกันมากขึ้นนะคะ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ!