ในอาณาจักรของสัตว์ ตระกูลย่อยของเสือถูกวิวัฒนาการปรับตัวมาอย่างยาวนาน เพื่อให้พวกมันสามารถเป็นนักล่าสุดยอดนักล่าของห่วงโซ่อาหาร ถึงแม้น้องแมวตามครัวเรือนของเราไม่จำเป็นจะต้องล่าสัตว์อย่างสัตว์ตระกูลย่อยของเสือชนิดอื่น ๆ ในป่า แต่น้องแมวของเรานั้นก็เก็บซ่อนความสามารถอันน่าทึ่งที่มนุษย์อาจไม่สามารถทำได้ และหนึ่งใน “ความสามารถแมว” คือ สัญชาตญาณที่เฉียบคมและแม่นยำ
เรามักพบเห็นแมวตื่นตัวและเล่นซนในเวลากลางคืนบ่อย ๆ ซึ่งทำให้หลายคนต่างมีความเชื่อว่าน้องแมวนั้นมีความสามารถในการมองเห็นวิญญาณในที่มืด ถึงแม้สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะยืนยัน แต่ความสามารถการมองเห็นในที่มืดของน้องแมวนั้นดีกว่ามนุษย์และสัตว์อื่น ๆ หลายเท่า
ทำไมแมวถึงเป็นสัตว์เลี้ยงที่นิยมในปัจจุบัน ?
น้องแมวไม่เพียงแต่นิยมเลี้ยงในครัวเรือน แต่รวมถึงบนอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ไม่สามารถเลี้ยงแมวในบ้าน ก็มีตัวเลือกอื่นในการเลี้ยงดู เช่น เกมเลี้ยงดูแมว การบริจาคเงินช่วยเหลือการกุศลสำหรับน้องแมว และอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนสะท้อนว่าแมวเป็นสัตว์เลีัยงยอดนิยมของผู้คนมากมาย
ลักษณะนิสัยของน้องแมวเป็นพวกชอบที่จะอยู่ในบ้าน รักษาความสะอาดตัวเองอยู่บ่อย ๆ สามารถเข้าห้องน้ำของตัวเองได้โดยไม่ต้องฝึกฝนมากมาย นักล่าศัตรูพืช ชอบเล่น และทำให้คุณมีความสุขมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้คือเหตุผลว่าทำไมน้องแมวจึงเป็นที่นิยมในการเลี้ยงดู น้องแมวเป็นสัตว์เปี่ยมล้นไปด้วยพรสวรรค์ ความสามารถในการได้ยินเป็นเรื่องน่าทึ่ง เพราะว่าสามารถตรวจจับเสียงได้สูงถึง 65 กิโลเฮิร์ตซ์ ซึ่งเป็นทักษะที่ยิ่งใหญ่มากกว่าสุนัข และแน่นอนว่ามนุษย์เช่นเดียวกัน มากไปกว่านั้นเราไม่จำเป็นต้องฝึกฝนน้องแมวในการเข้าห้องน้ำเพื่อกลบสิ่งปฏิกูล หรือสอนในการทำความสะอาดขน น้องแมวใช้เวลามากกว่าหนึ่งส่วนสามของวันในการเลียขน ชำระล้างร่างกายเพื่อความสะอาดของตัวเอง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่น้องแมวสามารถรับรู้ได้โดยธรรมชาติ หรือเรียกอีกอย่างว่าสัญชาตญาณนั่นเอง
การทำงานของสมอง…เบื้องหลังความฉลาดเป็นกรดของน้องแมว
ทักษะในการเรียนรู้จากประสบการณ์ จดจำข้อมูล และใช้เพื่อแก้ปัญหา คือนิยามของคำว่าความฉลาด ถึงแม้สมองของแมวจะมีขนาดเพียงแค่ 2 นิ้ว น้ำหนักเพียง 0.9 ถึง 1.1 ออนซ์ อย่างไรก็ตามความฉลาดไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของสมอง แต่ขึ้นอยู่กับเซลล์ประสาทต่างหาก น้องแมวมีเซลล์ประสาทสูงถึง 300 ล้านภายในระบบสมอง เปรียบเทียบกับสุนัขซึ่งมีเซลล์ประสาท 160 ล้านภายในระบบสมอง และแน่นอนว่าน้องแมวมีค่าความฉลาดมากกว่า ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าทำไมทักษะบางอย่างจึงไม่จำเป็นต้องฝึกฝนก็สามารถทำได้เองโดยสัญชาตญาณ
เปลือกสมองไม่เพียงแต่ควบคุมการทำงานของระบบที่เป็นเหตุและผล แต่ยังรวมถึงทักษะการแก้ปัญหา และยังเป็นพื้นที่เก็บความทรงจำระยะสั้นและยาวอีกด้วย
ประสาทการรับรู้ของแมว
การมองเห็น
น้องแมวมี Tapetum Lucidum หรือเนื้อเยื่อที่สามารถสะท้อนแสงได้อยู่หลังเรติน่า ซึ่งทำหน้าที่ในการสะท้อนแสงกลับเข้าสู่ประสาทตา และนี่คือเหตุผลว่าทำไมน้องแมวจึงมองเห็นสิ่งของในที่มืดได้เป็นอย่างดี แต่ค่าสายตาในการมองเห็นของน้องแมวนั้นอยู่ระหว่าง 20/100 ถึง 20/200 เท่านั้น หากเทียบกับมนุษย์ที่สามารถมองเห็นสิ่งของในระยะ 20 หรือ 30 เมตร ที่มีความสามารถมองเห็นสิ่งของในระยะที่ไกลกว่า สะท้อนเห็นว่าแมวนั้นมีค่าสายตาที่สั้นกว่ามนุษย์ ซึ่งหมายความว่าน้องแมวไม่สามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ไกล ดังนั้นสายตาของน้องแมวจึงเหมาะกับการล่าและไล่จับเหยื่อในระยะสั้น ๆ เสียมากกว่า น้องแมวมีเซลล์ที่เรียกว่า Photoreceptors หรือเซลล์รับแสง โดยจะทำหน้าที่แปลงแสงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า ทำงานโดยเซลล์ประสาทส่งไปที่สมอง และแปลงกลับมาเป็นภาพ โดย เซลล์รับแสงสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
- เซลล์รูปแท่ง : ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อกับสิ่งที่อยู่รอบนอก และในเวลากลางคืนจะตรวจสอบความสว่าง สีของที่เป็นสีเทา
- เซลล์รูปกรวย : ทำหน้าที่ในการมองเห็นและรับรู้สี มีเข้มข้นของสารตัวรับต่ำ
ในช่วงเวลากลางวันที่เต็มไปด้วยแสงแดดสว่างจ้า รูม่านตาของน้องแมวจะหดตัวลง เพื่อลดปริมาณของแสงเรติน่าที่มีมากเกินไป และทำให้การมองเห็นความชัดลึกได้ดีมากยิ่งขึ้น สัตว์ตระกูลเสือย่อยมีรูม่านตาที่หดตัวกลายเป็นจุดกลม ๆ ทั้งยังมีกลไกอีกมากมายที่ทำให้มีการตรวจจับแสงขั้นต่ำที่ต่ำกว่าของมนุษย์ถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นสีตาของน้องแมวจะเปลี่ยนไป เมื่อคุณใช้แฟลชในการถ่ายภาพ อันเนื่องมาจากการสะท้อนของแฟลชโดยเทปทัม
น้องแมวมีมุมมองในการมองเห็นสูงถึง 200 องศา ซึ่งมากกว่ามนุษย์ที่มีเพียง 180 องศา แต่จะมีขนาดแคบกว่า เหมือนกับสัตว์ผู้ล่าส่วนใหญ่ที่มีตาหันไปข้างหน้า เพื่อการมองเห็นในเชิงลึกของระยะการมองเห็น
การได้ยิน
ประสาทสัมผัสเรื่องการได้ยินของน้องแมวนั้น เปรียบเสมือนจานดาวเทียม น้องแมวสามารถได้ยินเสียงที่มีคลื่นความถี่เสียงสูงมาก และมนุษย์ไม่สามารถทำได้ โดยจะสามารถได้ยินคลื่นความถี่เสียงสูงได้ถึง 64 กิโลเฮิร์ตซ์ ซึ่งสูงกว่ามนุษย์ 1.6 อ็อกเทฟ และสูงกว่าสุนัข 1 อ็อกเทฟ ด้วยลักษณะโค้งและหยักภายในหู มีไว้เพื่อรับสัญญาณต่าง ๆ สังเกตได้จากทิศทาง และการขยับตัวของใบหู ขณะที่เรากำลังมีบทสนทนากับผู้อื่น
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าแมวที่มีลำตัวสีขาว และดวงตาที่ฟ้าทุกตัวจะหูหนวก แต่นั่นไม่ใช่ความจริง เนื่องจากแมวที่มีดวงตาสีฟ้าส่วนใหญ่ก็มีประสาทสัมผัสการได้ยินที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กับแมวปกติทั่วไป อย่างไรก็ตาม แมวขาวที่มีดวงตาสีฟ้านั้นเกิดมาจากลักษณะทางพันธุกรรม จึงอาจส่งผลให้มีอัตราการเกิดหูหนวกมากกว่าแมวทั่วไป ทั้งนี้ก็สามารถทำให้มีตาสีฟ้าข้างเดียวได้เช่นกัน โดยเราจะเรียกแมวที่มีสีฟ้าข้างนึง และข้างนึงเป็นอีกนึงว่า “ตาคี่” ซึ่งอาจมีหูที่หนวกข้างเดียวกับตาที่มีสีฟ้านั่นเอง
การดมกลิ่น
โพรงจมูกของน้องแมวนั้นมีขนาดที่ใหญ่ เมื่อเทียบกับลำตัว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวมนุษย์ถึง 5 เท่า ทั้งยังมีเส้นประสาทมากกว่า 45-200 ล้านเซลล์ภายในโพรงจมูก ซึ่งมนุษย์มีเพียงแค่ 5 ล้านเซลล์เท่านั้น ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้น้องแมวมีประสาทการดมกลิ่นที่ยอดเยี่ยมเพื่อแยกแยะสิ่งเร้าที่อยู่ตรงหน้า รวมถึงเพื่อสร้างอาณาเขตของตัวเอง
การรับรสชาติ
การรับรสชาติเป็นจุดอ่อนที่สุดของประสาทสัมผัสแมว เนื่องจากมีต่อมรับรสน้อย เมื่อเทียบกับสุนัขและคน จึงไม่สามารถรับรู้รสชาติ หวานและเค็มของอาหารได้ สามารถรับรู้โปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้เพียงเล็กน้อย แต่ยังกระตุ้นต่อมรับรสชาติทำให้มีความต้องการกินอาหาร และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้พวกเขาไม่ต้องการที่จะกินพืช
1. ความสามารถแมว – รับรู้กลิ่นฮอร์โมนของผู้ตั้งครรภ์
ถึงแม้ในบางครั้งน้องแมวของคุณอาจดูเฉยเมย และไม่ตอบสนองใด ๆ ต่อการกระทำของคุณ บางครั้งน้องแมวอาจมัวแต่เล่นซนจนทำให้ข้าวของภายในบ้านเกิดความเสียหาย หรือชำรุด ในบางครั้งน้องแมวของคุณอาจเพียงนั่งจ้องมองคุณทำงาน หรืออ้อนคุณด้วยท่าทีน่ารักบนตักของคุณ จนคุณไม่สามารถไปไหนได้เลยทั้งวัน แต่เชื่อเถอะว่าน้องแมวของคุณนั้น คือ สุดยอดนักสังเกตการณ์ พฤติกรรมเหล่านี้มาจากการสังเกตการณ์อันยอดเยี่ยมของน้องแมว
เรื่องเล่ามากมายที่กล่าวถึงสัญชาตญาณพิเศษที่น่ามหัศจรรย์ของน้องแมว หนึ่งในนั้นคือ น้องแมวสามารถรับรู้ว่าคุณตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีงานวิจัยที่จะสนับสนุนข้อเท็จจริงนี้ได้ แต่หากอ้างอิงความเป็นไปได้จากหลักวิทยาศาสตร์นั้นดูเหมือนว่ามีแนวโน้มที่น้องแมวของเราจะสามารถรับรู้อารมณ์ และพฤติกรรม ที่เปลี่ยนไปจากการรับกลิ่น
น้องแมวสามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของคุณ
ความสามารถในการดมกลิ่นของน้องแมวนั้นยอดเยี่ยมกว่ามนุษย์อย่างเรา ๆ เมื่อมารวมกับพฤติกรรมสังเกตการณ์อย่างเฉียบคมแล้วนั้น ทำให้น้องแมวสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะฮอร์โมนของคุณ อย่างที่เราทราบกันดีว่าฮอร์โมนของผู้ตั้งครรภ์จะถูกผลิตมาขึ้นมากกว่าคนทั่วไป โดยฮอร์โมนที่น้องแมวสามารถรับกลิ่นก็มีหลากหลายเช่นกัน ดังนี้
- ฮอร์โมน hCG ถูกผลิตในเซลล์ของรก ซึ่งจะมีสูงมากในระยะแรกของการตั้งครรภ์ เป็นฮอร์โมนที่สามารถยืนยันได้ว่ามีการตั้งครรภ์จากการตรวจปัสสาวะหรือเลือด
- ฮอร์โมนโพรแลกติน ซึ่งช่วยในการผลิตน้ำนม และรีแลกซิน ส่งผลต่อการต่อกล้ามเนื้อมดลูกและข้อต่อเชิงกราน ทั้งสองเป็นส่วนสำคัญในการคลอด และเริ่มถูกผลิตเพิ่มขึ้นในระยะแรกของการตั้งครรภ์
- ฮอร์โมนโปรเจนเตอโรน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการมดลูกพร้อมในการตั้งครรภ์ อีกทั้งยังช่วยทำให้มีสุขภาพที่ดีตลอดระยะการตั้งครรภ์
- ฮอร์โมนเอสโตรเจน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการพัฒนาของบุตร การไหลเวียนของเลือดที่ดี และกระตุ้นการเติบโตของท่อน้ำนมขณะการตั้งครรภ์
พฤติกรรมการเลี้ยงน้องแมวดูขณะตั้งครรภ์
ฮอร์โมนที่ถูกผลิตมากขึ้น ส่งผลให้อารมณ์และพฤติกรรมของผู้ตั้งครรภ์นั้นเปลี่ยนไป และแน่นอนว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ ไม่อาจรอดพ้นสายตาของสัตว์สี่ขาที่มีทักษะการสังเกตอันยอดเยี่ยมนี้ได้
- ระดับฮอร์โมน hCG ที่เพิ่มพรวดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้
- ฮอร์โมนโปรเจนเตอโรน ส่งผลให้คุณมีอาการเหนื่อยได้ง่าย และงีบหลับอยู่บ่อย ๆ
- ในกรณีที่คุณรู้อยู่แล้วว่ากำลังตั้งครรภ์ และกำลังออกแบบห้องนอนให้กับเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องจนไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะคอยเล่นกับเขา หรือทำความสะอาดกระบะทราย น้องแมวก็รับรู้ได้เช่นกันว่าคุณมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
- ปริมาณ และการไหลเวียนของเลือดจะเพิ่มสูงยิ่งขึ้นขณะตั้งครรภ์ ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้นเล็กน้อย น้องแมวจะรู้ว่าเจ้าของตัวร้อนกว่าปกติ
ถึงแม้น้องแมวจะไม่รู้ว่าความหมายของการตั้งท้องหรือฮอร์โมนคืออะไร แม้ยังไม่มีหลักฐานอย่างแน่ชัดในการยืนยันสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ แต่ด้วยระบบประสาทและความชาญฉลาดของแมว ทำให้สามารถรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งอยู่ในท้องของคุณอย่างแน่นอน
2. ความสามารถแมว – รับรู้ว่ามนุษย์กำลังเศร้า
ปัจจุบันน้องแมวเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตของมนุษย์ บ้างก็ว่าแมวสามารถเป็นสัตว์เลี้ยงบำบัดผู้ป่วยซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี บ้างก็มีข้อสงสัยว่าน้องแมวสามารถเข้าใจความรู้สึก และอารมณ์ของมนุษย์ได้จริง หรือมนุษย์คิดเป็นไปเอง
น้องแมวรู้หรือไม่…หากมนุษย์มีอารมณ์เสียใจ
สัตว์ที่รักสันโดษ และไม่ชอบเข้าสังคม เป็นสิ่งที่ทาสแมวทราบกันเป็นอย่างดีถึงหนึ่งในลักษณะนิสัยที่คล้ายกับสัตว์ป่า ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว เพราะน้องแมวของเรานั้นอยู่ในตระกูลของเสือวงศ์ย่อย ดังนั้นการรับรู้สัญญาณของความรู้สึกจึงเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ น้องแมวรับรู้ความรู้สึกเศร้าโศกของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ในวันที่คุณกำลังคิดว่าไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกเลย อย่าลืมว่ามีน้องแมวอยู่นะ !
น้องแมวให้กำลังใจเราหรือเปล่า ?
น้องแมวมีหลายวิธีในการให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างในวันที่โลกมืดหม่น เช่น คอยดูคุณ นั่งข้าง ๆ คุณ การถูตัวกับคุณ และการทำเสียงน่ารักเพื่อให้คุณใจเย็นลง ซึ่งสามารถช่วยให้ความดันโลกต่ำลง และทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้นได้จากความน่ารัก ถึงแม้จะไม่ชอบเข้าสังคม หรือเมินคุณอยู่บ่อย ๆ แต่ในวันที่คุณเศร้าก็จะมีน้องแมวคอยอยู่เพื่อเป็นกำลังใจอย่างแน่นอน และนี่คือเหตุผลที่แมวกลายเป็นนักบำบัดที่เก่งที่สุดของมนุษย์
3. ความสามารถแมว – รับรู้เซลล์มะเร็ง
มีเรื่องเล่ามากมายที่กล่าวว่าน้องแมวสามารถตรวจจับ หรือรับรู้ว่ามีเซลล์มะเร็งในร่างกายของมนุษย์ ผู้หญิงคนหนึ่งในเล่าเรื่องราวของเธอไว้ว่า แมวของเธอรู้สึกตื่นตัว และกระโดดบนหน้าอกของเธอซ้ำ ๆ อย่างผิดปกติ จนวันหนึ่งเธอตรวจพบเจอมะเร็งเต้านม และชายคนหนึ่งกล่าวว่า แมวของเขาพยายามนำอุ้งเท้าเหยียบลงไปที่ฝั่งซ้ายของร่างกาย ซึ่งเป็นบริเวณที่ตรวจเจอเนื้องอกขนาดใหญ่ในภายหลัง
ถึงแม้จะมีรายงานเกี่ยวกับความสามารถในการตรวจจับเซลล์มะเร็งของน้องแมวอย่างมากหมาย แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยชิ้นใดที่สามารถยืนยันได้ว่าน้องแมวของเรานั้นสามารถรับรู้เซลล์มะเร็งได้จริง
มีการรายงานมากมายเกี่ยวกับการที่แมวสามารถการรับรู้เซลล์มะเร็งได้ หลักฐานที่สามารถยืนยันได้มีเพียงแต่เรื่องราวของผู้ที่มีประสบการณ์จริงก็เท่านั้น
ศักยภาพที่ไม่ได้ใช้งาน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวอย่างมั่นใจว่าน้องแมวมีความศักยภาพในการรับรู้กลิ่นระเบิด หรือผู้รอดชีวิตเช่นเดียวกับ การรับรู้กลิ่นของโรค ในปี 2017 บทความ Applied Animal Behavior ออกมาให้ความรู้ว่า แมวมีการเลือกปฏิบัติในการดมกลิ่นที่ดีกว่าสุนัข โดยแมวสามารถฝึกฝนในทักษะการแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ ได้ เช่น การตรวจจับกลิ่นของมนุษย์ ตลอดไปจนถึงกลิ่นของยาเสพติด
ความเชื่อว่าแมวไม่สามารถฝึกฝนทักษะได้เป็นเรื่องโบราณไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกฝนสัตว์กล่าว เพราะว่ามีแมวหลายตัวที่ประสบความสำเร็จจากการถูกฝึกฝน น้องแมวสามารถทำตามคำสั่งได้หลากหลาย เช่น นั่ง นอน กระโดด และอื่น ๆ เป็นต้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากไม่เลยสักนิดในการฝึกฝนเพื่อตรวจจับกลิ่นของสิ่งที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นแมวจึงมีศักยภาพมากพอที่จะตรวจจับกลิ่นของโรค อย่างเช่น มะเร็ง
4. ความสามารถแมว – รับรู้เส้นทาง
โดยธรรมชาติ น้องแมวเป็นสัตว์ที่รักการพเนจร ซึ่งบ้านไหนที่เลี้ยงน้องแมวโดยการใช้ระบบเปิดอาจทราบกันอย่างดีอยู่แล้ว แต่ทุกคนเคยสงสัยหรือเปล่าว่าทำไมแมวถึงจำทางกลับบ้านได้เป็นอย่างดี นั่นก็เพราะน้องแมวมีสัญชาตญาณในการจดจำเส้นทางยังไงล่ะ
ทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับการรับรู้เส้นทางของแมว
แมวเป็นสัตว์รักสันโดษ และสามารถเอาตัวรอดเองได้ตามธรรมชาติ แม้จะเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย น้องแมวก็สามารถเอาชีวิตรอดได้จากการเลือกทิศทาง ซึ่งเป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติ โดยการใช้ดวงตา และหูในการจดจำเส้นทาง เนื่องจากน้องแมวมีธาตุเหล็กในหูชั้นใน และผิวหนัง ทำหน้าที่เหมือนเข็มทิศบอกทาง รวมถึงขนและอุ้งเท้าก็เป็นส่วนร่วมในการเก็บข้อมูลเส้นทาง รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมรอบข้างเพื่อประมวลผลในสมอง
คำถามที่พบบ่อย
Q: แมวสามารถเห็นวิญญาณได้จริงหรือไม่ ?
A: สัตว์ทุกชนิดมีสัญชาตญาณพิเศษที่เราอาจคาดไม่ถึง ดังนั้นเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ได้ แต่หากอ้างอิงตามหลักวิทยาศาสต์แล้วนั้น แมวสามารถมองเห็นสีของแสง UV หรือรังสีอุลตร้าไวโอเล็ท เช่นเดียวกับสัตว์ชนิดอื่น ๆ โดยแสง UV จะสามารถผ่านเลนส์ในตาของแมวไปยัง Retina ทำให้แมวมองเห็นบางสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ และด้วยเหตุนี้การเลี้ยงแมวในอดีต ก็เพื่อป้องกันพลังชั่วร้าย และภูตผีไม่ให้เข้ามาในบ้าน
Q: เพราะอะไรแมวถึงมีประสาทการรับรสไม่ดีเท่ามนุษย์ ?
A: เพราะมนุษย์มีต่อมรับรสถึง 9,000 ต่อม ในขณะที่แมวมีต่อมรับรสเพียง 473 ต่อม เท่านั้น
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากได้รู้ 4 ความสามารถสุดทึ่งของน้องแมวไปแล้ว ตอนนี้อาจจะมีหลาย ๆ คนที่อยากเลี้ยงแมว แต่ไม่รู้จะเลี้ยงแมวสายพันธุ์ไหน สามารถเข้ามาอ่านได้ที่นี่เลย! แต่บางคนก็อาจจะเป็นทาสแมวมือใหม่แต่ยังไม่รู้วิธีการดูแลน้องแมวให้ดี PetPlease ได้มีบทความสำหรับทาสแมวมือใหม่มาทุกคนอ่านกัน! เปิดคู่มือ “ทาสแมวมือใหม่” อยากเลี้ยงแมวต้องเตรียมตัวอย่างไร?
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- A-cats-five-senses
- Can-cats-sense-pregnancy
- Can-cats-sense-sadness-depression-and-anxiety
- cat-sense-direction-explained
AUTHOR: Arthurchiii
2022, DEC 27