วันนี้ PetPlease ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ “เลิฟเบิร์ด” นกที่มีความหลากหลายของสีสัน อีกทั้งยังมีความน่ารักขี้เล่น ทำให้ผู้ชื่นชอบนกต่างก็ตกหลุมรักกันมานักต่อนัก และกลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในสังคมของผู้เลี้ยงสัตว์ ณ ปัจจุบัน พวกเขามีอะไรที่แตกต่างจากนกสายพันธุ์อื่น ๆ คำตอบก็อยู่ข้างในบทความต่อไปนี้ที่พร้อมจะมอบทั้งสาระน่ารู้ และความเพลิดเพลินให้กับทุกคนครับ !
บทความวันนี้ขอนำเสนอ
- ความเป็นมาของนกเลิฟเบิร์ด
- ลักษณะโดยทั่วไปของนกเลิฟเบิร์ด
- สายพันธุ์ของนกเลิฟเบิร์ด
- ที่อยู่อาศัยสำหรับนกเลิฟเบิร์ด
- อาหาร และโภชนาการสำหรับนกเลิฟเบิร์ด
- การดูแลที่นกเลิฟเบิร์ดต้องการเป็นพิเศษ
- ฤดูผสมพันธุ์ของนกเลิฟเบิร์ด
- โรคที่สามารถพบได้บ่อยในนกเลิฟเบิร์ด
- คำถามที่พบบ่อย
ความเป็นมาของนกเลิฟเบิร์ด
ย้อนกลับไปเมื่อปีค.ศ. 1840 ในช่วงที่กำลังนิยมเลี้ยงนกแก้ว หรือ Parrot กันอย่างมากมาย ได้มีนกสายพันธุ์หนึ่งที่ถูกเรียกว่า Little Parrot ซึ่งก็คือนกเลิฟเบิร์ดนั่นเอง อ้างอิงจากประวัติศาสตร์พบว่านกเลิฟเบิร์ดถูกนำเข้าไปแพร่พันธุ์ในทวีปยุโรป ทำให้มีการนิยมเลี้ยงกันมาตั้งแต่บัดนั้นจนถึงปัจจุบัน เนื่องด้วยนิสัยที่ชอบอยู่เคียงข้างกันเป็นคู่ ๆ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก และกลายมาเป็นชื่อสายพันธุ์ “เลิฟเบิร์ด” นั่นเอง
หลังจากได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทวีปยุโรปอยู่สักพักใหญ่ ๆ เลิฟเบิร์ดได้ถูกนำเข้ามายังอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 60 และแน่นอนว่าได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ของพวกเขา จึงเกิดสายพันธุ์ใหม่มีชื่อเรียกว่า Agapornis ครับ และถือว่าเป็นการจุดประกายเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาสายพันธุ์ของพวกเขาให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งเกิดในช่วงปี 80 จนประสบความสำเร็จได้ในที่สุด
ลักษณะโดยทั่วไปของนกเลิฟเบิร์ด
เรามาดูกันดีกว่าว่านกเลิฟเบิร์ดมีลักษณะอะไรจนถูกเรียกว่าเป็น Little Parrot !
ลักษณะทางกายภาพของนกเลิฟเบิร์ด
เลิฟเบิร์ดเป็นนกที่ขนาดเล็ก แน่นอนว่าอวัยวะส่วนต่าง ๆ ก็เล็กไปด้วย พวกเขาเป็นปากขอ เติมเต็มไปด้วยความสดใสของสีสันมากมาย โดยสามารถโตเต็มวัยได้เพียง 5 ถึง 6 นิ้วเท่านั้น เลิฟเบิร์ดมีรากฐานของถิ่นกำเนิดจากทวีปแอฟริกาตะวันออก และสามารถพบเห็นได้ที่เกาะมาดากัสการ์ พวกเขาจึงมีความทนทานต่ออากาศร้อนได้เป็นอย่างดี
ลักษณะนิสัยของนกเลิฟเบิร์ด
นกสายพันธุ์นี้เป็นสัตว์สังคม เลิฟเบิร์ดชอบการอยู่กันเป็นฝูงจนเมื่อถึงเวลาเติบโตเต็มวัย พวกเขาจะเลือกคู่ครองของตัวเอง และอยู่เคียงข้างกันตลอดชีวิต เลิฟเบิร์ดมีนิสัยซน ชอบสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบกายอยู่เสมอ อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้พวกเขากลายเป็นที่นิยมเลยคือนิสัยช่างพูด ช่างเจรจา หากได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจจะพูดตามสิ่งที่คุณสอนได้ หากได้ลองรัก…รับรองว่าคุณจะต้องหลงพวกเขาอย่างหัวปักหัวปำแน่นอน เพราะหนึ่งในอุปนิสัยที่เรียกได้ว่าเป็นท่าไม้ตายเลย คือ การเอาอกเอาใจเจ้าของ เลิฟเบิร์ดมักหากลวิธีที่ทำให้ตนสามารถครองใจเจ้าของอยู่เสมอครับ !
สายพันธุ์ของนกเลิฟเบิร์ด
ความหลากหลายของนกเลิฟเบิร์ดคือเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบ และนิยมเลี้ยงนกเลิฟเบิร์ด โดยสายพันธุ์ของนกเลิฟเบิร์ด แบ่งออกเป็น 9 สายพันธุ์ด้วยกัน ดังนี้
Mask Lovebird
Mask Lovebird เป็นเลิฟเบิร์ดที่มีสีมากมายกว่า 30 สีด้วยกัน…เยอะใช่ไหมล่ะครับ โดยสีที่หายากนั้นจะเป็นสีม่วง ส่วนหัวของนกเลิฟเบิร์ดสายพันธุ์นี้จะเป็นสีดำทึบครับ
Fischer’s Lovebird
ความแตกต่างของนกสายพันธุ์ Fischer’s Lovebird นั่นก็คือโทนของสีนั่นเอง โดยจะแบ่งออกเป็น 2 โทนที่โดดเด่น คือ โทนเขียว และโทนฟ้า ซึ่งหากเป็นโทนเขียว ใบหน้าของนกเลิฟเบิร์ดนั้นจะออกไปทางสีแดง แต่สำหรับโทนสีฟ้านั้น ใบหน้าจะออกไปทางสีขาว และแน่นอนว่าสีม่วงก็เป็นสีที่หายากเช่นเดียวกันครับ
Black Cheeked Lovebird
ขึ้นชื่อว่า Black Cheeked แน่นนอว่าสีที่โดดเด่นขึ้นมาจะต้องเป็นสีดำ พวกเขามีหัวเป็นสีดำสนิท ซึ่งส่งผลให้ใบหน้ามีความคล้ายว่ากำลังสวมใสหน้ากากอยู่ตลอดเวลา ขนาดตัวก็จะเล็กกว่า 2 สายพันธุ์ข้างต้นครับ
Nyasa Lovebird
ลักษณะเด่นของเลิฟเบิร์ดสายพันธุ์ Nyasa Lovebird จะอยู่ที่ขอบตา พวกเขาเป็นนกเลิฟเบิร์ดที่มีขอบตา และสีที่ตัดกันอย่างเห็นได้ชัด หากลำตัวมีสีเขียวก็จะมีใบหน้าสีแดง หากลำตัวสีฟ้าก็จะมีใบหน้าสีขาวล้วน และลำตัวสีเหลือง ดวงตาเป็นสีแดงจะเป็นลักษณะที่หายากในสายพันธุ์นี้ครับ
Peach Faced Lovebird
Peach Faced Lovebird เป็นสายพันธุ์ที่มีสีเขียวสดตลอดร่างกาย ยกเว้นส่วนท้ายของลำตัวจะมีสีฟ้าสด มีเล็บเป็นสีแดงสด ปากสีงาช้าง ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะที่โดดเด่นไม่แพ้สายพันธุ์อื่น ๆ เลยทีเดียวครับ
Black Collared Lovebird
เลิฟเบิร์ดสายพันธุ์นี้จะมีสีเขียวเหมือนกับสายพันธุ์ Swinderenis แต่มีความแตกต่างตรงที่ส่วนบนของร่างกายจะมีสีพาสเทลอ่อน ๆ และคอมีสีเหลืองนะครับ
Madagascar LoveBird
Madagascar Lovebird นกเลิฟเบิร์ดจากมาดากัสการ์ มีขนาดเล็กไม่ต่างจาก Black Cheeked เท่าไหร่นัก เราสามารถแยกเพศได้จากการสังเกตสีของร่างกาย ซึ่งตัวเมียจะมีสีเขียวตลอดลำตัว ไม่มีสีใด ๆ ผสม แต่สำหรับตัวผู้แล้วนั้นจะมีความแตกต่างตรงที่การมีสีขาวรอบ ๆ ลำคอ และหัว
Abyssinian Lovebird
Abyssinian Lovebird มีลักษณะของหัวที่โต ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของนกสายพันธุ์นี้เลยทีเดียว รวมไปถึงสีหน้าของตัวผู้ และตัวเมียจะแตกต่างกัน ซึ่งตัวผู้จะมีหน้าสีแดง แต่สำหรับตัวเมียนั้นจะไม่มีสีแดงบนใบหน้าครับ
Red Face Lovebird
ลักษณะเด่นของนกสายพันธุ์ Red Face Lovebird นั้นคงหนีไม่พ้นการที่มีใบหน้าสีแดง ซึ่งตัดกับสีของลำตัวที่เต็มไปด้วยสีเขียวสดใสครับ
ที่อยู่อาศัยสำหรับนกเลิฟเบิร์ด
ก่อนที่จะตัดสินเลี้ยงนกเลิฟเบิร์ด เรามาศึกษาข้อมูลความต้องการเรื่องที่อยู่ของพวกเขากันก่อนดีกว่า เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น เรียกได้ว่าสำคัญเหมือนกันปัจจัย 4 ของมนุษย์เลยก็ว่าได้ ไม่ใช่ว่ามีกำลังซื้ออย่างเดียวแล้วจะสามารถละเลยความต้องการด้านที่อยู่อาศัยได้นะครับ โดยเราจำเป็นต้องเลือกพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีอากาศปลอดโปร่ง ไม่มีกลิ่นอับชื้น แสงสว่างพอดี ไม่ร้อน หรือมืดเกินไป
การจัดกรงสำหรับมือใหม่
มือใหม่หัดจัดกรงนกไม่ต้องเป็นกังวลไปนะครับ เพราะไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด สำหรับลักษณะของกรงนกที่เหมาะสมสำหรับนกเลิฟเบิร์ดนั้นจำเป็นต้องมีลักษณะคล้าย ๆ โรงเรือน ที่มีตาข่ายซี่เล็ก ๆ จนยุง หรือสัตว์ที่มีขนาดเล็ก ๆ ไม่สามารถเข้ามาได้ เพื่อลดอัตราการเกิดอันตรายต่อตัวเหล่านกเบิร์ดที่เรารัก เราสามารถจัดแจงของภายในกรงให้เป็นระบบ เพราะจะทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด และดูแลรักษาอุปกรณ์ตกแต่งภายในกรงครับ
กรงนก
กรงที่ดีจำเป็นต้องมีขนาดอย่างน้อย ยาว 18 นิ้ว กว้าง 18 นิ้ว สูง 18 นิ้ว ขึ้นไป ด้วยลักษณะนิสัยส่วนตัวของนกเลิฟเบิร์ดแล้วนั้น พวกเขาเป็นนกที่ชื่นชอบการสำรวจ ซึ่งจะเพลิดเพลินในการเล่นอยู่ตลอดเวลา การมีพื้นที่ที่มากพอก็จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้เป็นอย่างดี เพราะการมีพื้นที่มากมายจะสามารถบรรจุของเล่นในการเสริมสร้างทักษะความคล่องแคล่วของพวกเขาได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ใส่คอนหลายอันไว้ในกรง
การติดตั้งคอนนกให้หลากหลายภายในกรงเป็นการส่งเสริมสุขภาพกรงเล็บของนกให้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากการพิจารณาเลือกวัสดุที่เป็นมิตร และมีคุณภาพแล้ว เรายังจำเป็นต้องตกแต่งด้วยคอนนกจำนวนหลายชิ้น โดยสามารถเลือกได้ตามใจชอบ แต่จำเป็นต้องมีสัก 2 ถึง 3 ชิ้น ซึ่งไม่ควรเลือกคอนที่มีขนาดเล็กจนเกินไป เพราะอาจทำให้นกเลิฟเบิร์ดทรงตัวได้อย่างยากลำบาก และอาจพลัดตกลงมาได้ครับ
ตั้งกรงนกให้สูงจากพื้น
ยิ่งสูงยิ่งหนาว…ใช้ไม่ได้กับกรณีการติดตั้งกรงนกนะครับ เพราะกรงของพวกเขาจำเป็นต้องถูกติดตั้งไว้บริเวณที่สูงจากพื้น รวมถึงการติดตั้งให้ไกลจากกระแสลมที่อาจไหลผ่านทางช่องประตู หรือช่องถ่ายเทอากาศ เลิฟเบิร์ดไม่สามารถทนต่อกลิ่นควัน หรือกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่ลอยผ่านกระแสลม ทางที่ดีควรที่จะตั้งไว้ที่สูง ๆ จะปลอดภัยมากกว่านั่นเอง
อาหาร และโภชนาการที่เหมาะสมต่อนกเลิฟเบิร์ด
พฤติกรรมการกินไม่สำคัญเท่า คุณค่าของสารอาหารที่ได้รับจากอาหารในแต่ละวัน… หากนกที่รักได้รับสารอาหารที่เพียงพอที่ซึ่งเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ก็จะส่งผลให้มีพฤติกรรมการกินที่ดี และส่งผลต่อเนื่องไปยังสุขภาพที่แข็งแรง โดยธรรมชาติแล้วนั้นนกเลิฟเบิร์ดจะนิยมการกินเมล็ดพืชเป็นหลัก แต่ต้องปลอกเปลือกก่อนนะครับ ซึ่งเราสามารถเมล็ดพืชเข้ากับอาหารเม็ดได้ เพื่อเสริมสร้างคุณประโยชน์ได้ร่างกายพึงต้องได้รับในแต่ละวัน โดยแบ่งออกเป็น 2-3 ช้อนชาในแต่ละวันครับ
เมล็ดพืชแบบผสม (Seed mixes)
การให้เมล็ดพิชแบบผสมจะช่วยให้นกได้ฝึกทักษะการจิกได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการได้ โดยเมล็ดพืชแบบผสมก็มีหลากหลาย เช่น ข้าวไรน์ ข้าวเจ้าชนิดที่ผ่านการสีมาแล้ว ข้าวโอต ดอกคำฝอย ข้าวฟ่าง รวมถึงเมล็ดทานตะวัน สิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งรวมโปรตีน และวิตามินชั้นยอดของเหล่านกเลิฟเบิร์ดครับ
ผสมผลไม้สดกับผักสดในอาหารสำหรับนกของคุณ
การเสริมสร้างวิตามิน และแร่ธาตุสำคัญด้วยผักสด และผลไม้ปลอดสารพิษนั้นเป็นเรื่องที่ดี โดยเราสามารถผสมเข้ากับเมล็ดพืช และอาหารเม็ดได้ โดยจะต้องจัดสรรปันส่วนให้มีขนาดที่พอดีกับขนาดของปากนก ไม่ให้เล็ก หรือใหญ่จนเกินไป ผัก และผลไม้ประกอบไปด้วย แอปเปิ้ล แคร์รอต บรอกโคลี ผักเคล มะม่วง และอื่น ๆ เป็นต้น เรียกได้ว่าแทบจะทุกชนิดเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะชนิดไหน ๆ ก็อุดมไปด้วยสารอาหารที่เต็มเปี่ยมทั้งนั้น
อาหารต้องห้ามสำหรับนกเลิฟเบิร์ด
ใช่ว่าจะกินผักได้ทุกชนิด ทุกอย่างต้องมีข้อยกเว้นเสมอ…โดยสิ่งต้องห้ามสำหรับเหล่าเลิฟเบิร์ด ประกอบได้ด้วย อะโวคาโด รูบาร์บ หัวหอม แอสปารากัส รวมถึงถั่วดิบต่าง ๆ น่าทึ่งใช่ไหมล่ะครับ นอกจากนี้แล้วยังควรต้องเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของนมจากวัว แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่มีคาเฟอีนนะครับ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อระบบการทำงานของร่างกาย ซึ่งเป็นเหตุให้นกเสียชีวิตได้นั่นเองครับ
กำลังมองหาอาหารที่เต็มไปด้วยสารอาหาร และคุณประโชน์มากมายอยู่ล่ะสิ ? ไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป เพราะบนเว็บไซต์ PetPlease ได้รวบรวมอาหารเม็ดที่มีประโยชน์ที่พร้อมส่งตรงถึงบ้าน เพื่อนกสุดที่รักของคุณแล้ว หากเป็นเรื่องสุขภาพของสัตว์ที่คุณรัก ให้พวกเราดูแลอีกแรงนะครับ!
การดูแลที่นกเลิฟเบิร์ดต้องการเป็นพิเศษ
เลิฟเบิร์ดต้องการการดูแลอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ? PetPlease มีคำตอบให้คุณแล้วครับ !
การอาบน้ำ
นกสามารถอาบน้ำได้ด้วยหรอ?! หลายคนที่ยังไม่เคยเลี้ยงนกอาจตกใจ แต่การอาบน้ำนกเลิฟเบิร์ดนั้นมีความจำเป็นในการบำรุงขนให้มีความสวยงาม รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของระบบผิวหนังของนกอีกด้วย ถ้าเจ้าของละเลยการทำความสะอาดก็จะส่งผลให้เกิดความสกปรก และเชื้อโรคที่อันตรายได้ แต่…การอาบน้ำให้นกไม่ใช่การเปิดฝักบัว หรือฉีดน้ำที่เต็มไปด้วยแรงดันน้ำสูงไปยังร่างกายของพวกเขาตรง ๆ นะครับ การอาบน้ำที่ถูกต้องนั้นจะเริ่มจากการบรรจุน้ำลงในขวดสเปรย์ และค่อย ๆ ฉีดให้น้ำออกมา ลักษณะนี้จะคล้าย ๆ กับการอาบน้ำด้วยฝักบัวของมนุษย์ แต่จะเป็นละอองน้ำขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีแรงดันน้ำเท่าไหร่นัก หลังจากพ่นทำความสะอาดจนเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องเช็ดตัวของให้พวกเขาอย่างรวดเร็วนะครับ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะป่วยได้นั่นเอง !
การเล่นเป็นประจำ
การเล่นกับพวกเขาเป็นประจำเปรียบเสมือนกับการออกกำลังกายได้เลย… โดยเราจำเป็นต้องเล่นกับเขาเป็นประจำทุก ๆ วัน โดยใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 30 นาทีต่อวัน ซึ่งสามารถเล่นกับเขาได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการให้พวกเขาปีนป่ายบนไหล่ของเรา หรือการเล่นสำรวจตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย การกระทำเช่นนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของและเหล่าเลิฟเบิร์ดเต็มไปด้วยความรัก และความผูกพันธ์ครับ
การฝึกฝน
ในช่วงแรก ๆ เราอาจจำเป็นต้องฝึกให้พวกเขาหัดขึ้นคอนภายในกรง เนื่องจากทุกคนต้องมีก้าวแรกที่ผิดพลาดเสมอ…นกเองก็เช่นกัน โดยเราสามารถฝึกได้เป็นประจำทุกวันจนกว่าพวกเขาจะเคยชิน วิธีการฝึกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร เพียงแค่เคาะบนคอนไม้เบา ๆ ให้พวกเขารู้สึกมั่นใจ และรู้สึกถึงความปลอดภัยของวัสดุนั้น ๆ เมื่อไหร่ที่เกิดความคุ้นชิน…พวกเขาก็จะก้าวขึ้นคอนได้อย่างมั่นใจ และเป็นการควบคุมอาการหวงเขตแดนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ฤดูผสมพันธุ์ของนกเลิฟเบิร์ด
กำลังสงสัยอยู่ล่ะสิว่าเหล่าเลิฟเบิร์ดจะทำการผสมพันธุ์ในช่วงไหนของปี…พวกเขามีฤดูผสมพันธุ์ที่อยู่ในช่วงหน้าร้อน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมตลอดจนถึงเดือนกรกฎาคม โดยจะเริ่มกระบวนการผสมพันธุ์ตั้งแต่การสร้างบรรยากาศให้เหมาะสม ซึ่งจะเป็นการค่อย ๆ สร้างรังรักในโพรง พวกเขาจะเลือกรังที่มีขนาดใหญ่หน่อย และจะตกแต่งไปด้วยกิ่งไม้ หรือเปลือกไม้ที่แข็งแรงที่สามารถกักเก็บไข่ที่ถูกฟักออกมา เลิฟเบิร์ดตัวเมียสามารถฟักไข่ได้ถึง 3 ถึง 8 ฟอง ครับ
โรคที่สามารถพบได้บ่อยในนกเลิฟเบิร์ด
โรคหวัด
โรคหวัด ถือว่าเป็นโรคยอดฮิตที่สามารถเกิดขึ้นได้กับนกทุกสายพันธุ์ ซึ่งสาเหตุก็ไม่ได้อยู่ไกลแต่อย่างใด เกิดจากความแปรปรวนของอากาศที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ อาการของนกเหล่านี้ก็จะเหมือนกับคนที่เป็นโรคหวัด คือจะมีอาการซึม ๆ ไม่เจริญอาหารเท่าที่ควร รวมทั้งการเคลื่อนไหวของร่างกายที่เชื่องช้าลง การรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับการประเมินอาการโดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทางออกที่ดีคือเมื่อไหร่ที่รู้ว่านกเริ่มที่อาการเปลี่ยนไปให้เรารีบนำไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาจะเป็นการดีที่สุด
โรคตาแข็ง ตาแดง
โรคตาแข็งก็ถือว่าเป็นหนึ่งในโรคที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นเล็ก ๆ ที่กระจัดกระจายภายในกรงจากสิ่งปฏิกูลที่อยู่ในถาดรอง รวมไปถึงยุง ศัตรูตัวฉกาจของนก… นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องกั้นกรงนกด้วยซี่ที่ป้องกันสัตว์เล็ก ๆ และทำความสะอาดกรงนกอยู่เสมอ พวกเขามีความอ่อนไหวสูง การสัมผัสกับฝุ่นเล็ก ๆ หรือยุงที่อาจเข้ามาทำร้าย อาจส่งผลให้เกิดอาการเจ็บตาได้ แต่ก็สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาปฏิชีวนะ รักษาตามอาการที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นโรคติดต่อ หากมีนกมากกว่าหนึ่งตัว ให้เรานำนกที่มีอาการแยกออกจากอีกตัวโดยทันทีครับ !
นกเลิฟเบิร์ดน่ารักใช่เล่นเลยใช่มั้ยล่ะครับ พวกเราหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์พร้อมกับความเพลิดเพลินในการรับสารที่พวกเราตั้งใจจะสื่อออกไปอย่างตั้งใจนะครับ เพราะความปรารถนาสูงสุดคือการให้ทุกคนได้มีความสุขที่สุดกับสิ่งที่เลือก ดังนั้น…เพื่อความสุขที่ยั่งยืนก็ต้องมาพร้อมกับรายละเอียดที่ครบถ้วนด้วย หากใครกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ และสินค้าที่เต็มไปด้วยคุณภาพล่ะก็ อย่าพลาดที่จะเลือกสรรบนเว็บไซต์ของ PetPlease นะครับ!
คำถามที่พบบ่อย
Q: เลิฟเบิร์ดสามารถอยู่ได้กี่ปี ?
A: เลิฟเบิร์ดสามารถมีอายุที่ยั่งยืนอยู่บนโลกได้ถึง 15 – 20 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลที่สม่ำเสมอครับ
Q: เลิฟเบิร์ดพูดภาษามนุษย์ได้หรือไม่?
A: อาจเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับใครหลาย แต่นกเลิฟเบิร์ดสามารถพูดได้ เฉกเช่นเดียวกันนกแก้วสายพันธุ์ทั่ว ๆ ไป หากฝึกพูดกับพวกเขาเป็นประจำก็สามารถตอบกลับได้อย่างแน่นอน และเหตุนี้จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ Little Parrot ครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- วิธีการ เลี้ยงเลิฟเบิร์ด (พร้อมรูปภาพ) – wikiHow
- บทความ สัตว์เลี้ยง นกเลิฟเบิร์ด lovebird
- การเลี้ยงนก เลิฟเบิร์ด (love bird) – 108kaset
- นกเลิฟเบิร์ด ราคาเท่าไหร่? ดูแลพวกเขาอย่างไร?
AUTHOR: Arthurchiii
2023, APRIL 01