อาหารเป็นสิ่งที่จะช่วยให้สุนัขดำรงชีวิตได้ และยังช่วยในการเจริญเติบโตของสุนัขอีกด้วย สำหรับสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหน อาหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญ สำหรับสุนัขก็เช่นกัน ก่อนจะให้อาหารหรือซื้ออาหารให้สุนัข เราควรจะต้องศึกษาอย่างละเอียดและถี่ถ้วน ห้าม! ป้อนทุกอย่างที่อยู่ในมือเราให้สุนัขอย่างเด็ดขาด แม้ว่าสุนัขจะทำสายตาอ้อนวอนให้ใจอ่อนมากแค่ไหนก็ตาม เพราะความใจดีของเราอาจจะส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของสุนัขในเวลาต่อมา จนอาจจะทำให้น้อง ๆ ต้องกลับดาวหมาก่อนวัยอันควรก็ได้
วันนี้ PetPlease จึงอยากมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “5 สิ่งที่ควรรู้ ก่อนซื้ออาหารให้สุนัข” ถ้าอยากรู้ว่า 5 สิ่งที่เราจะมาบอกคืออะไร เลื่อนลงมาอ่านกันได้เลย!
บทความนี้ขอนำเสนอ
- ประเภทของอาหารสุนัข
- สารอาหารที่จำเป็นสำหรับสุนัข
- สุนัขวัยนี้ เหมาะกับอาหารแบบไหน?
- วิธีการเลือกซื้ออาหารสุนัข
- อาการแพ้อาหารของสุนัข
ประเภทของอาหารสุนัข
เรื่องแรกที่ทาสหมาหรือมือใหม่หัดเลี้ยงน้องหมาจำเป็นต้องรู้ คือ ประเภทของอาหารสุนัข ในปัจจุบันก็มีอาหารสุนัขที่แตกต่างออกไปตามท้องตลาด มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ดีและไม่ดีปน ๆ กันไป เราจึงจำเป็นต้องมารู้จักประเภทของอาหารสุนัขกันก่อน เพื่อจะได้เลือกซื้อให้เหมาะกับสุนัขแต่ละตัว และแต่ละสายพันธุ์นั่นเองค่ะ
อาหารเม็ด
อาหารเม็ดเป็นอาหารที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะหาซื้อได้ง่าย และในอาหารเม็ดยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อน้องหมาอย่างครบถ้วน แถมยังมีหลากหลายสูตรสามารถเลือกให้เหมาะกับน้องหมาของเราได้อีกด้วย เช่น สูตรบำรุงขน สูตรสำหรับสุนัขอ้วนง่าย สูตรสำหรับสุนัขขนสั้น เป็นต้น นอกจากนี้อาหารเม็ดยังแบ่งออกมาได้ 3 ประเภท ดังนี้
แบบอัดรีด
อาหารเม็ดแบบอัดรีด เป็นมาตรฐานอาหารที่นำส่วนผสมมาบดและผสมกันให้เป็นก้อน หลังจากนั้นนำไปเข้าเครื่องอัดให้เป็นรูปทรงกระบอก แล้วนำไปตัดให้เป็นเม็ดเล็ก ๆ ซึ่งกระบวนการนี้จะใช้ความร้อนสูงในการทำให้สุก แล้วเคลือบด้วยไขมัน วิตามิน และสารกันเสีย เพื่อให้อาหารไม่เน่าเสียและมีอายุในการเก็บรักษายาวนานมากขึ้นค่ะ
แบบอบ
อาหารเม็ดแบบอบไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากเท่าไหร่ แต่อาหารเม็ดแบบอบจะมีสารอาหารเยอะกว่าแบบอัด เพราะใช้ความร้อนต่ำ แต่ก็จะมีราคาสูงขึ้นและยังหาซื้อได้ยากอีกด้วย
แบบเคลือบ
อาหารเม็ดแบบเคลือบบางยี่ห้อก็ใช้เนื้อฟรีซดรายมาเคลือบด้านนอกเม็ดอาหาร ซึ่งกรรมวิธีการเคลือบนี้สามารถทำได้ทั้งในอาหารแบบอบหรือแบบอัด และสามารถใส่หลังจากกระบวนการปรุงอาหารเพื่อเพิ่มสารอาหารอีกด้วย
ถึงแม้ว่าอาหารเม็ดจะแบ่งออกมาได้ถึง 3 ประเภท แต่อาหารเม็ดก็มีข้อดีที่เหมือนกัน นั่นก็คือ ช่วยเรื่องสุขภาพปากของสุนัข ทั้งช่วยลดกลิ่นปาก ลดแบคทีเรียและช่วยขัดฟันของน้องหมาด้วย แต่บางยี่ห้อก็มีข้อเสีย คือ หากผสมไขมันสัตว์และสารปรุงแต่งหรือมีสารเคมีตกค้างในอาหาร ถ้าหากสุนัขกินบ่อย ๆ อาจทำให้มีปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้
อาหารแบบเปียก
อาหารสุนัขแบบเปียก เป็นอาหารที่สุนัขหลายตัวโปรดปรานมาก ๆ เพราะอาหารเปียกมักจะมีกลิ่นหอม น่ากิน ทำให้สุนัขรู้สึกเจริญอาหาร และในอาหารเปียกยังมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70-80% อีกด้วย เหมาะสำหรับสุนัขที่กินน้ำน้อย แต่ข้อเสียของอาหารชนิดนี้ คือ หลังจากเปิดอาหารแล้วจะไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน และจะเน่าเสียง่ายหากเก็บอาหารเปียกไม่ถูกวิธี และถ้าสุนัขทานไปอาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย และถ่ายเหลวได้ ต้องระวังอย่างมากเลยค่ะ!
อาหารปรุงสุก
อาหารปรุงสุก โดยส่วนมากผู้เลี้ยงที่อยู่ต่างจังหวัด มักจะเลือกให้อาหารด้วยการปรุงอาหารให้สุนัขของตัวเอง เพราะหาอาหารสำเร็จรูปได้ค่อนข้างยาก การปรุงหรือการคลุกอาหารจึงเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด อาหารปรุงสุกจะช่วยลดรายจ่ายได้เมื่อเทียบกับการต้องซื้ออาหารสำเร็จรูป แต่ก็จะทำให้สุนัขมีปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ หากใส่เครื่องปรุงรสเป็นประจำ จะทำให้สุนัขมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไต และโรคอ้วนได้ เนื่องจากการปรุงอาหารหรือการคลุกข้าวให้สุนัขเองนั้นค่อนข้างที่จะควบคุมปริมาณของแคลอรี่ได้ยากนั่นเองค่ะ
อาหารบาร์ฟ
มีหลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่าไม่ควรให้บาร์ฟหรืออาหารดิบกับสุนัข เพราะจะทำให้สุนัขดุร้ายมากขึ้น แต่ไม่เป็นความจริงเลย เพราะการที่สุนัขจะดุร้ายขึ้นมักขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมค่ะ อาหารบาร์ฟ คือ การให้อาหารสดและดิบซึ่งใช้เนื้อสัตว์เกรดเดียวกับอาหารของมนุษย์ ซึ่งอาหารบาร์ฟกำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก อาหารบาร์ฟมีประโยชน์ต่อสุนัขมากมาย เช่น สุขภาพฟันสะอาด ลดปัญหากลิ่นปาก อุจจาระกลิ่นไม่ฉุน เส้นขนมีความเงางาม ขนไม่ร่วง แต่ข้อเสีย คือ อาจมีพยาธิบางชนิดปะปนมากับเนื้อได้ และหากเป็นเนื้อที่ค้างคืน ไม่สด ก็ทำให้คุณค่าทางโภชนาการของอาหารลดลงด้วย ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับอาหารบาร์ฟเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่ บาร์ฟสุนัข
สารอาหารที่จำเป็นสำหรับสุนัข
สุนัขก็เหมือนกับมนุษย์เรา ที่ต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอและสมดุลในแต่ละวัน ซึ่งการให้อาหารสุนัขนั้นต้องคำนึงถึงความเพียงพอต่อความต้องการพื้นฐาน ตามช่วงอายุ ลักษณะทางสรีรวิทยา สายพันธุ์ น้ำหนัก การดำรงชีวิต และความต้องการพิเศษอื่น ๆ รวมถึงด้านสุขภาพของสุนัขด้วย
ซึ่งสารอาหารสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ สารอาหารที่ไม่จำเป็น และสารอาหารที่จำเป็น สารอาหารที่ไม่จำเป็น คือ สารอาหารที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้ ส่วนสารอาหารที่จำเป็น คือ สารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ซึ่งจะได้รับก็ต่อเมื่อกินอาหารเข้าไป ซึ่งสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายสุนัข มีดังนี้
น้ำ
น้ำเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดำรงชีวิตของน้องหมา เนื่องจากร่างกายสุนัขประกอบด้วยน้ำ ประมาณ 70% ดังนั้นการที่ร่างกายขาดน้ำ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและเฉียบพลันต่อตัวสุนัขมากกว่าการขาดสาดอาหารชนิดอื่น เช่น สัตว์สูญเสียไขมัน หรือโปรตีน การสูญเสียหรือขาดสารอาหารมากกว่าครึ่งหนึ่งของร่างกาย สุนัขจะยังคงมีชีวิตอยู่ได้ แต่สุนัขที่สูญเสียน้ำเพียง 10% ของน้ำในร่างกายสามารถเสียชีวิตได้ทันทีเลยค่ะ!
หน้าที่ของน้ำ คือ การช่วยกำจัดของเสียและความร้อนออกจากร่างกาย ในการเลี้ยงสุนัขเราจะต้องมีน้ำตั้งไว้ให้เขาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในคนที่ให้น้องหมาทานอาหารแห้ง และต้องเปลี่ยนน้ำทุกวัน
โปรตีน
โปรตีน เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องนำไปใช้สร้างโครงสร้างของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ ผิวหนัง ขน และเล็บ นอกจากนี้เอนไซม์และฮอร์โมนส่วนมากมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ หน่วยย่อยของโปรตีนเรียกว่า กรดอะมิโน ซึ่งได้มาจากทั้งอาหารที่สัตว์กินเข้าไป และร่างกายสังเคราะห์เอง ในอาหารสัตว์ควรมีกรดอะมิโนครบถ้วนและมีปริมาณมากพอ เพื่อให้ขบวนการสร้างโปรตีนดำเนินไปอย่างปกติ และสอดคล้องกับความต้องการของร่างกาย กรดอะมิโนบางชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่สัตว์กินเข้าไป
คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์ประสาท เซลล์หัวใจ และเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้คาร์โบไฮเดรตยังมีหน่วยย่อยที่เล็กที่สุด คือ กลูโคส ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ และยังช่วยสังเคราะห์กรดอะมิโนและสารต่าง ๆ ในร่างกายและทำงานร่วมกับโปรตีนและไขมันในส่วนประกอบที่เป็นโครงสร้างของร่างกายอีกด้วย แต่การได้รับคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป จะทำให้ร่างกายของสัตว์เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำให้น้องหมาของเราเกิดโรคอ้วนได้ ซึ่งแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่มักพบในอาหารสุนัขได้แก่ ข้าวโพด ข้าวขาว ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต เมล็ดธัญพืช ขนมปัง มันฝรั่งและพาสต้า เนื่องจากส่วนประกอบพวกนี้มีราคาถูก จึงถูกใช้เป็นจำนวนมาก ในอาหารสุนัขนั่นเอง
ไขมัน
ไขมันเป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่สุนัขต้องการ ซึ่งไขมันให้พลังงานได้สูงมากเมื่อเทียบกับโปรตีน และคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เท่ากัน นอกจากไขมันจะให้พลังงานแล้ว ยังทำหน้าที่อีกหลายอย่างเลย เช่น เป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายและป้องกันการเกิดโรคผิวหนัง ได้แก่ กรดไขมันลิโนเลอิค ที่จะช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันได้แก่วิตามิน อี ดี เอและเค ซึ่งแหล่งของกรดไขมันลิโนเลอิคที่สำคัญได้แก่ น้ำมันลีนซีน และน้ำมันแฟล็กซีน นอกจากนี้การเสริมอาหารไขมันในอาหารสัตว์ ยังช่วยให้อาหารมีความน่ากิน และเพิ่มรสชาติของอาหารได้อีกด้วย
วิตามิน
วิตามินเป็นสารอาหารที่ร่างกายในปริมาณที่น้อย แต่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต ถ้าหากได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการจะทำให้เกิดปัญหาได้ ซึ่งวิตามินที่สำคัญและจำเป็นต่อสัตว์มีอยู่ประมาณ 14 ชนิด และวิตามินยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ อีกด้วย คือ วิตามินที่ละลายได้ในไขมัน ได้แก่ วิตามินดี อี และเค และวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ได้แก่ วิตามินซี เป็นต้น
แร่ธาตุ
แร่ธาตุเป็นสารอาหารที่ทำหน้าที่สำคัญในร่างกายมากมาย เช่น เป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูก ฟัน เนื้อเยื่อต่าง ๆ ช่วยในขบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย ช่วยควบคุมความเป็นกรดด่างของเลือด ช่วยเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของร่างกาย และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเอนไซม์ วิตามิน และฮอร์โมน
สุนัขวัยนี้ เหมาะกับอาหารแบบไหน?
ทุกคนรู้ไหมว่าการให้อาหารสุนัขต้องคำนึงถึงช่วงอายุ สายพันธุ์ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของสุนัขด้วย เพราะอาหารแต่ละสูตรจะมีโภชนาการที่แตกต่างกันออกไป เราจึงต้องคำนึงถึงหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะช่วงวัย มาดูกันดีกว่าว่าสุนัขแต่ละวัย เหมาะกับอาหารแบบไหนบ้าง?
สุนัขวัยแรกเกิด
สุนัขวัยแรกเกิด อาจจะยังไม่สามารถทานอาหารได้มากนัก สำหรับสุนัขในวัยนี้ควรทานนมแม่อย่างเดียวก่อน และต้องคอยหาน้ำสะอาดมาให้พวกเขาดื่มด้วย ซึ่งสุนัขจะหย่านมแม่เมื่ออายุครบ 6-8 สัปดาห์ค่ะ
สุนัขอายุ 2 – 4 เดือน
โดยปกติแล้วคนส่วนมากจะเลี้ยงสุนัขในวัยนี้กัน เพราะเป็นวัยที่หย่านมแม่แล้ว ซึ่งเป็นวัยที่ไม่ควรเปลี่ยนอาหารบ่อยมากนัก เพราะอาจจะทำให้ปวดท้องได้ อาหารที่เหมาะกับสุนัขวัยนี้ คือ อาหารเม็ดที่มีคุณภาพสูงและเป็นสูตรสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ เนื่องจากลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและหลากหลาย เพื่อช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต นั่นเองค่ะ
สุนัขอายุ 4 เดือนขึ้นไป
สำหรับสุนัขที่อายุ 4 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไป สุนัขวัยนี้อยู่ในวัยกำลังโต จึงต้องการสารอาหารเยอะกว่าสุนัขที่โตเต็มวัยแล้ว ดังนั้นเราควรให้อาหารที่เป็นสูตรสำหรับสุนัขวัยกำลังโตโดยเฉพาะ โดยสัตวแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำว่าควรให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขวัยกำลังโต จนกว่าสุนัขจะมีขนาดประมาณ 90% ของสุนัขโตเต็มวัย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่อายุประมาณ 12 เดือน ถึง 18 เดือน
ส่วนสุนัขสายพันธุ์ใหญ่อย่าง ร็อตไวเลอร์ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ หรือลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ สุนัขวัยนี้จะโตวัยกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ เราจึงต้องให้อาหารสำหรับสุนัขวัยกำลังโตสำหรับสายพันธุ์โดยเฉพาะ เพราะถ้าหากเขาได้รับอาหารไม่เหมาะสม อาจจะทำให้เขาป่วยเป็นโรคกระดูกเจริญผิดปกติได้
นอกจากนี้สุนัขวัย 4 เดือน เป็นวัยที่ฟันแท้กำลังจะขึ้น จึงต้องการอาหารที่ช่วยกระตุ้นฟัน เช่น เนื้อติดกระดูก และเรื่องความถี่ในการให้อาหารของสุนัขวัยนี้ ควรให้อาหารแค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น และแต่ละครั้งควรให้อาหารที่ไม่เยอะและน้อยจนเกินไป ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดปัญหาสุขภาพตามมาทีหลังได้นั่นเองค่ะ
สุนัขโตเต็มวัย
สำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก จะถือว่าโตเต็มวัยเมื่ออายุ 1-5 ปี สำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่ คือ 1 ปีครึ่ง – 7 ปี สุนัขวัยนี้สามารถทานอาหารได้หลากหลาย และต้องการอาหารวันละ 1-2 ครั้ง โดยเราต้องเลือกอาหารที่มีคุณภาพสูงและเหมาะกับสุนัขของเรา เป็นไปได้ให้ปรึกษาสัตวแพทย์จะดีที่สุด เพราะสุนัขโตเต็มวัยจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ต้องการอาหารไม่เหมือนกัน เช่น สุนัขที่น้ำหนักเกิน จะต้องการอาหารที่ช่วยควบคุมไขมัน สุนัขที่น้ำหนักน้อย จะต้องการอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกาย เป็นต้นค่ะ
สุนัขวัยชรา
สุนัขวัยชราจะมีอายุอยู่ในช่วง 6-8 ปี สำหรับสุนัขวัยนี้เขาต้องทานอาหารสำหรับสุนัขแก่โดยเฉพาะ และควรให้อาหารแบ่งย่อยเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อย ๆ แทน โดยวิธีเลือกสูตรอาหารให้เหมาะสมกับสุนัขแก่แต่ละตัว จะแตกต่างกันไปตามพฤติกรรม สุขภาพ และสภาพร่างกาย สามารถปรึกษาสัตวแพทย์หรือสังเกตด้วยตัวเองก็ได้ เช่น สุนัขที่เคลื่อนไหวน้อยลง แนะนำว่าให้เปลี่ยนมาให้เป็นอาหารสูตรไดเอต เพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักเกิน หรือสุนัขที่เป็นโรคไขข้ออักเสบ ให้เปลี่ยนมาใช้อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และกรดไขมันเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ เป็นต้น
นอกจากนี้เราควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัดหรือโซเดียมสูง เพราะจะทำให้สุนัขเสี่ยงเป็นโรคไตและโรคหัวใจได้ง่าย และควรเตรียมน้ำไว้เยอะ ๆ เพราะสุนัขที่แก่แล้วเขาจะกินน้ำน้อยลง ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะขาดน้ำได้ค่ะ
วิธีการเลือกซื้ออาหารสุนัข
หลังจากเราได้รู้จักสารอาหารและโภชนาการที่สุนัขต้องการแล้ว มาดูกันต่อดีกว่าว่าในยุคปัจจุบันที่มีอาหารสุนัขให้สุนัขให้เลือกซื้อหลากหลายชนิด หลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ด อาหารแบบเปียก หรืออาหารดิบก็ตาม สิ่งที่เราควรคำนึงถึง คือการซื้ออาหารให้เหมาะสมกับสุนัขของเรา เพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของสุนัขที่เราเลี้ยงนั่นเองค่ะ
เลือกอาหารให้เหมาะกับอายุ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การเลือกอาหารเราต้องเลือกให้เหมาะกับสุนัขด้วย เพราะสุนัขในแต่ละช่วงวัยต้องการได้รับสารอาหารที่แตกต่างกันออกไป และผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะบอกไว้ว่าอาหารชนิดนี้เหมาะกับสุนัขอะไร ช่วงอายุไหน เช่น
- อาหารสูตรลูกสุนัข เหมาะกับสุนัขที่อายุยังไม่เกิน 1 ปี
- อาหารสุนัขโตเต็มวัย เหมาะกับสุนัขที่มีอายุ 1-6 ปี
- อาหาารสุนัขวัยชรา เหมาะกับสุนัขที่อายุ 6 ปีขึ้นไป
เลือกให้เหมาะกับสายพันธุ์
สุนัขมีหลายสายพันธุ์ทั้งสายพันธุ์เล็ก กลาง ไปจนถึงสายพันธุ์ใหญ่ นอกจากสายพันธุ์ที่ต่างกัน ยังมีขนาดตัวและการเติบโตที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย เช่น สุนัขสายพันธุ์เล็ก ก็จะมีปากที่เล็กตามขนาดตัว จึงทำให้ต้องกินอาหารเม็ดเล็ก ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเคี้ยวและถนอมฟันไปในตัวอีกด้วย
เลือกบาร์ฟที่สดใหม่
การให้อาหารหมาแบบบาร์ฟ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนเลี้ยงหมานิยมกัน จะเป็นการให้อาหารดิบตามพื้นฐานสัญชาตญาณของสุนัข แต่ทั้งนี้การเลือกบาร์ฟ ก็ควรคำนึงถึงความสดใหม่ของวัตถุดิบ ที่สำคัญไม่ควรทิ้งไว้ค้างคืน เพราะอาจทำให้สุนัขท้องเสียได้
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้
นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว อีกสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเลย ก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้นั่นเองค่ะ เพราะในปัจจุบันมีอาหารหลากหลายทั้งราคาแพงและสูงแตกต่างกันไป แต่การซื้อก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานทางโภชนาการสำหรับสัตว์เลี้ยง มีเลขทะเบียนอาหารสัตว์ถูกต้อง และยังไม่หมดอายุ เพื่อให้น้องหมาของเราได้กินอาหารที่สะอาด ปลอดภัย
อาการแพ้อาหารของสุนัข
อาการแพ้อาหารแน่นอนว่าไม่ได้เกิดขึ้นกับสุนัขทุกตัว แต่ควรรู้และสังเกตไว้ก็ดีค่ะ เพราะเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนอาหารให้สุนัขได้ เมื่อสุนัขโตขึ้น เราก็ต้องเปลี่ยนอาหารที่แตกต่างออกไปเพื่อให้เหมาะกับสุนัขในแต่ละวัย และป้องกันการเบื่ออาหาร หลังจากการเปลี่ยนอาหารสุนัขบางตัวอาจจะเกิดอาการแพ้อาหารได้
ซึ่งอาการแพ้อาหารในสุนัขเกิดจากการที่โปรตีนในอาหารที่น้องหมาของเรากินเข้าไป ไปกระตุ้นสารฮีสตามีนที่อยู่ในร่างกายของสุนัข เมื่อถูกกระตุ้นก็ทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมานั่นเองค่ะ แล้วอาการแบบไหนที่เรียกว่าแพ้อาหาร มาดูกันดีกว่า!
สุนัขมีอาการคันตัว
อาการคันเป็นอาการแพ้ที่พบเห็นได้ทั่วไป ความแตกต่างของอาการคันจากการแพ้อาหาร มักจะเกิดขึ้นทันทีที่สุนัขกินอาหารชนิดนั้น ๆ เข้าไป โดยสุนัขจะคันรอบตัว ใบหู และ อุ้งเท้า ซึ่งเมื่อเกิดอาการคันสุนัขมักจะเอาตัวไปถูกับเฟอร์นิเจอร์ ขอบเสา หรือบริเวณขาของเจ้าของ อาการแพ้นี้อาจไม่รุนแรงมาก แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ จะทำให้ผิวหนังของน้องหมาอักเสบและเป็นแผล เสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อได้ค่ะ
สุนัขซึม เบื่ออาหาร
สุนัขที่แพ้อาหารบางตัว จะมีอาการซึมเมื่อเห็นว่าอาหารที่ต้องกินเป็นอาหารที่เขาแพ้ หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็จะทำให้น้องหมาของเราเกิดอาการเบื่ออาหารได้ และทำให้น้ำหนักลดและสุขภาพแย่ลงอีกด้วย
สุนัขมีผื่นแดงที่ผิวหนัง หรือขนหลุดร่วง
สุนัขจะมีอาการแพ้ที่ค่อนข้างต่างกัน ในสุนัขบางตัวอาจจะเกิดตุ่มและผื่นขึ้นตามผิวหนัง เรียกว่า “Hot Spot” ทำให้เกิดขนหลุดร่วงเป็นหย่อม ๆ สุนัขที่มีอาการเหล่านี้ ถ้าไม่รีบรักษาอาจจะกลายเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังได้ และส่งผลให้มีอาการเซื่องซึมด้วย
สุนัขตาแดง มีขี้ตามากกว่าปกติ
อาการแพ้อาหารทำให้สุนัขมีการจาม คัน และเกิดอาการตาแดงได้ ให้เราลองสังเกตว่าสุนัขมีขี้ตาติดเยอะกว่าปกติไหม เพราะอาการเหล่านี้ก็นับเป็นลักษณะของการแพ้อาหารในสุนัขด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่าย ให้เราลองดูว่าปริมาณขี้ตามีเยอะ และติดต่อกันมานานแค่ไหน แล้วเปรียบเทียบปริมาณขี้ตาหลังจากเปลี่ยนชนิดของอาหารที่ให้น้องหมาค่ะ
สุนัขท้องเสีย ถ่ายเหลว และสำรอกอาหาร
อาการแพ้อาหารในสุนัขบางตัวค่อนข้างรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายของสุนัข ทำให้เกิดอาการลำไส้อักเสบได้ ถึงแม้อาการในช่วงแรกจะยังไม่รุนแรงแต่สามารถส่งผลต่อสุขภาพ และเพิ่มการติดเชื้อต่าง ๆ ของสุนัขได้ เช่น การสำรอกอาหาร หรืออุจจาระมีเมือก อาการเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นทันทีหลังทานอาหาร แต่จะเป็นอาการจากการแพ้อาหารเรื้อรังที่ไม่ได้รับการดูแล ทำให้เกิดการป่วยสะสมได้ค่ะ
คำถามที่พบบ่อย
Q: สุนัขเบื่ออาหารเม็ด ทำยังไง?
A: แนะนำให้ใส่น้ำอุ่นลงไปในอาหารเม็ด หรือนำอาหารไปอุ่น การอุ่นอาหารจะเป็นการทำให้กลิ่นของอาหารเม็ดดียิ่งขึ้น หรืออาจจะผสมอาหารเปียกลงไปในอาหารเม็ด เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมของอาหารก็ได้เช่นกันค่ะ
Q: สุนัขจะหายจากอาการแพ้อาหารได้ไหม?
A: อาการแพ้ไม่สามารถหายขาดได้ค่ะ แต่เราสามารถป้องการแพ้ได้โดยการพาน้องไปตรวจหาว่าแพ้สารอาหารชนิดใดบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารสิ่งนั้นเพียงเท่านี้น้องก็ไม่แพ้แล้วค่ะ
Q: สุนัขแพ้อาหารอันตรายหรือไม่?
A: การแพ้อาหารโดยทั่วไปไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย แต่บางครั้งจะเกิดการแพ้อาหารสะสม และก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น อาการคันต่อเนื่องและเกาจนเกิดแผล ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ หรือในเคสหายาก มีสุนัขที่มีอาการท้องเสีย สำรอกอาหารจากอาการแพ้ได้เช่นกัน
อาหารสุนัขนั้นมีทั่วไปตามท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ด อาหารแบบเปียก หรืออาหารดิบ ซึ่งต่างก็มีหลากหลายแบรนด์ หลากหลายเกรด และหลากหลายรสชาติ มีข้อดีและข้อเสีย ราคาก็จะแตกต่างกันไป สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกอาหารสุนัขก็คือ การเลือกให้เหมาะกับสายพันธ์ุเป็นหลัก และควรสังเกตอาการของสุนัขทุกครั้งหลังเปลี่ยนอาหาร หวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่าน จะได้ความรู้เรื่องการเลือกซื้ออาหารสุนัขอย่างครบถ้วนนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- https://www.jomopetfood.com/dogs/dogs-health/dog-food-allergies-symptoms/
- https://nongpets.com/best-dog-food/
- https://pet.kapook.com/view218242.html
- https://vet.kku.ac.th/physio/DOG%20PDF/6อาหารและการให้อาหาร.pdf
- https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2352556
สามารถอ่านบทความคล้ายกันได้ที่นี่
ทำความรู้จัก “บาร์ฟสุนัข” อาหารชั้นเลิศของเจ้าตูบ พร้อมวิธีให้ที่ถูกต้อง!
เคล็ด(ไม่)ลับและวิธีเลือกอาหารสุนัข ให้เหมาะกับเจ้าตูบของเรา
AUTHOR: MEW
2022, DEC 15